-
Category: ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศฝรั่งเศสและประเทศสยาม
-
Published on Friday, 26 October 2018 03:38
-
Written by หอจดหมายเหตุ
-
Hits: 1495
ข้อมูลจากหนังสือ พระสังฆราชหลุยส์ ลาโน
พระสังฆราชผู้ยิ่งใหญ่ ชาวคริสต์ ผู้มีชัยและเป็นผู้ตื่นรู้ในธรรม
ซิสเตอร์ซีมอนนา สมศรี บุญอรุณรักษา เขียน
หลังจากคณะทูตฝรั่งเศสเดินทางไปแล้ว พระสังฆราชลาโนระมัดระวังตัวในการติดต่อกับฟอลคอนเพราะเกิดเรื่องบาดหมางใจกันขึ้น เรื่องแรกคือการแต่งงานระหว่างกัปตันเรืออังกฤษชื่อโคอัสกับลูกสาวของนายยัง ดาเบรอ หญิงสาวคนนี้ยังมีศักดิ์เป็นหลานสาวของนายอามาดอร์ เดอ โคเอลโฮ ชาวโปรตุเกส เพื่อนของมิชชันนารีชาวฝรั่งเศส นายดาเบรอพอใจยกลูกสาวให้กัปตันชาวอังกฤษมากกว่ายกให้ญาติของมาดามก็องสต็องซ์ (ภรรยาของฟอลคอน) ที่มาชอบลูกสาวของเขาเช่นเดียวกัน ที่นายดาเบรอทำเช่นนี้เพราะเห็นว่าญาติของมาดามก็องสต็องซ์มีฐานะด้อยกว่า เรื่องนี้สร้างความไม่พอใจให้ฟอลคอนและภรรยาของเขาอย่างมาก จึงพาลไม่พอใจพระสังฆราชลาโนซึ่งเป็นผู้ประกอบพิธีสมรสให้คู่แต่งงานด้วย
อีกเรื่องหนึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นที่โคชินจีน ยายของมาดามก็องสต็องซ์ขับไล่คุณพ่อลับเบ พระสงฆ์คณะมิสซังต่างประเทศ ออกจากวัดที่ท่านประจำอยู่ นางเป็นคริสตังที่อพยพมาจากประเทศญี่ปุ่นเข้ามาในโคชินจีน เป็นคนมีอิทธิพลมากในเขตวัดทานู ซึ่งเป็นวัดที่อยู่ในความปกครองของพระสงฆ์เยสุอิต นางได้ดูถูกและหยาบคายต่อคุณพ่อลับเบอย่างมาก ฟอลคอนขอให้พระสังฆราชลาโนจัดการย้ายคุณพ่อ แต่พระคุณเจ้าปฏิเสธ ทำให้ครอบครัวของมาดามก็องสต็องซ์ไม่พอใจและคอยหาเรื่องอยู่ตลอดเวลา ที่เป็นเช่นนี้เพราะตั้งแต่รุ่นยายทวดของมาดามก็องสต็องซ์มีความสนิทสนมเป็นพิเศษกับพระสงฆ์เชื้อสายโปรตุเกสมาก่อนแล้ว ทำให้ครอบครัวนี้มีอิทธิพลเหนือพระสงฆ์ที่มาประจำอยู่ที่นี่
ความบาดหมางระหว่างพระสังฆราชลาโนและฟอลคอนเพิ่มมากขึ้น พระคุณเจ้าได้เขียนจดหมายไปหาผู้บริหารบ้านเณรคณะมิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีสว่า พระคุณเจ้าคิดจะเดินทางไปกรุงโรม เพื่อไปป้องกันข้อกล่าวหาและขอความช่วยเหลือด้านการเงินสำหรับมิสซัง แต่สองปีต่อมาพระคุณเจ้ากลับปฏิเสธว่าไม่เคยเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ และชี้แจงว่าถ้าท่านเขียนจริงท่านก็ไม่คิดจะทำจริงจัง เพียงแต่ต้องการทำให้ฟอลคอนรู้ว่า ถ้าเขายังไม่หยุดก้าวก่ายอำนาจของท่าน ท่านจำเป็นต้องเดินทางไปกรุงโรมเพื่อไปรายงานเรื่องนิสัยไม่ดีของฟอลคอน พระคุณเจ้ากล่าวเพิ่มเติมว่า “เขาเป็นคนที่คอยหาเหตุชวนทะเลาะกับพวกเราในทุกๆเรื่อง”
ที่จริงฟอลคอนเสแสร้งเป็นคนศรัทธา และให้ความช่วยเหลืองานของมิสซังและการกลับใจของคนที่นี่ เขายังเสนอว่าภายในระยะเวลาสั้นๆ จะมีชาวสยามจำนวนมากเปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์ เขาแนะนำพระสังฆราชลาโนให้เขียนไปขออภิสิทธ์ให้มากยิ่งขึ้น และยืนยันอย่างแข็งขันว่าการขอนี้จะได้รับอนุมัติ แต่ที่จริงสิ่งที่เขาคิดก็แต่เรื่องอำนาจและเงินเท่านั้น เรารู้จักตัวตนของฟอลคอนอย่างแท้จริงได้จากจดหมายลับที่เขาเขียนไปถึงคุณพ่อตาชารด์
“จำเป็นต้องนำคนที่ฉลาดมากๆ จำนวน 60-70 คน มาพร้อมกับเรือของพระเจ้าอยู่หัว (พระเจ้าหลุยส์) คนเหล่านี้ต้องมีความสามารถในการจัดการเรื่องต่างๆ ได้ ต้องเป็นคนซื่อสัตย์และแต่ละคนต้องมีเงินเพียงพอไว้ใช้จ่ายสำหรับตัวเอง ในการรับใช้พระเจ้ากรุงสยาม ต้องไม่หวังผลตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้น พวกเขาต้องมีความสามารถที่จะปิดปากทุกคนที่ต้องการเรียกร้องบำเหน็จ และถ้าคุณพ่อมหาธิการ (คณะเยสุอิต) ต้องการส่งพระสงฆ์ของคณะมาด้วย พวกคุณพ่อจำเป็นต้องแต่งตัวเป็นฆราวาส ข้าพเจ้าจะเป็นคนจัดการผลประโยชน์และแต่งตั้งตำแหน่งดีๆ ให้ อาจเป็นที่กรุงศรีอยุธยา หรือให้ไปเป็นผู้ปกครองหัวเมือง หรือผู้ปกครองป้อมปราการ หรือตั้งให้เป็นผู้บัญชาการกองทัพบกหรือกองทัพเรือ หรือแม้แต่ตำแหน่งสำคัญในราชสำนัก (ของสมเด็จพระนารายณ์) เช่น เป็นที่ปรึกษาของข้าพเจ้าในด้านการเจรจาและการค้า...
และเพื่อจะประสบความสำเร็จอย่าวรวดเร็วและพลาดไม่ได้ จำเป็นต้องกราบทูลพระเจ้าอยู่หัว (พระเจ้าหลุยส์) ถึงความจำเป็นต้องตั้งถิ่นฐานที่เมืองลิกอร์ (สงขลา) ให้ได้ก่อน และให้นำทหารมาสองกองเพื่อจัดตั้งระบบ เมื่อจัดได้เข้าที่แล้วก็ไม่ต้องกลัวอะไรอีก เพราะบรรดาพ่อค้าจะพากันมาตั้งหลักฐานที่นี่ จากนั้นจะง่ายต่อการจัดหาและให้ความช่วยเหลือด้านการค้าในดินแดนนี้ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นเขมร จามปา โคชินจีน ตังเกี๋ย และจากที่นี่ไม่ลำบากที่จะขนสินค้าไปที่กรุงศรีอยุธยา...
เพื่อจะทำงานนี้ให้สำเร็จ ที่นี่มีทุกอย่าง ไม่มีอะไรขาดแคลน อาหารหารกินมีอย่างอุดมสมบูรณ์ มีเหล็ก ตะกั่ว และทองแดง ที่สามารถใช้ผลิตอาวุธได้ทุกชนิดแม้แต่ปืนใหญ่ อุปกรณ์ทุกอย่างพร้อมหมดแล้ว สิ่งที่ยังขาดอยู่คือความรอบคอบ บุคลากร และความลับอย่างที่ข้าพเจ้าได้บอกคุณพ่อไปแล้ว
เราอาจคาดการณ์ล่วงหน้าว่าถ้าพระเจ้าอยู่หัวสวรรคต และพวกท่านเดินทางมาถึงสันดอนปากแม่น้ำแล้ว แผนการนี้ต้องล้มเหลว ข้าพเจ้าขอสัญญาว่าผู้ครองราชย์ต่อจากพระองค์จะทรงยอมตกลงทุกอย่างที่พระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบันทำไว้ และจะทรงอนุมัติเรื่องต่างๆ ง่ายมากยิ่งขึ้นแม้แต่เรื่องศาสนา”
จากสารลับที่ฟอลคอนเขียนไปหาคุณพ่อตาชารด์ อาจเดาได้ว่าผู้ที่ฟอลคอนคาดว่าจะได้สืบราชสมบัติต่อจากสมเด็จพระนารายณ์ ต้องเป็นผู้ที่ฟอลคอนให้การสนับสนุนและเขาสามารถควบคุมได้ หลังจากที่ฟอลคอนวางแผนแล้ว ระหว่างรอคุณพ่อตาชารด์ไปดำเนินการต่างๆ ที่ประเทศฝรั่งเศส เขาพยายามกีดกันไม่ให้พระสังฆราชลาโนเข้าเฝ้าสมเด็จพระนารายณ์ ยิ่งไปกว่านั้นยังเตรียมแผนการที่จะทำให้อำนาจของท่านลาโนหมดลงถ้ามีความจำเป็น
ลายมือชื่อคอนสแตน ฟอลคอน หรือเจ้าพระยาวิชาเยนทร์
ลายมือชื่อดอนนา กีโยมาร์ เด ปีนา หรือมาดามก็องสต็องซ์
เคานต์เดอ ฟอร์แบง มีความเห็นและสรุปว่า ประเทศสยามไม่มีความหวังด้านผลประโยชน์จากประเทศอังกฤษและเนเธอร์แลนด์ เพราะประเทศสยามไม่สามารถตอบสนองการค้าให้เป็นที่ถูกใจของทั้งสองประเทศนี้ได้ และด้วยเหตุผลเดียวกันประเทศสยามไม่สามารถหาผลประโยชน์จากประเทศสเปนและโปรตุเกสได้เช่นเดียวกัน ดังนั้น เมื่อไม่มีทางออกอื่น ฟอลคอนจึงคิดว่าเขาสามารถหลอกชาวฝรั่งเศสได้ง่ายกว่าชาติอื่นๆ จึงกราบทูลสมเด็จพระนารายณ์ให้ผูกไมตรีกับประเทศฝรั่งเศสด้วยการดำเนินการแลกเปลี่ยนทางการทูต และแสร้งว่าสมเด็จพระนารายณ์ทรงพระราชดำริจะเปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์ ที่จริงพระองค์สนพระราชหฤทัยในศาสนาต่างๆ แต่ความคิดที่จะเปลี่ยนศาสนานั้นไม่ได้อยู่ในพระราชหฤทัยของพระองค์เลย พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงหลงเชื่อจึงทรงทูตของพระองค์มาที่ประเทศสยาม
ฟอลคอนวางแผนต่อไปไกลกว่านั้นอีก เขาบอกกับเชอวาลีเยร์เดอ โชม็องต์ ว่าชาวฮอลันดามีความตั้งใจจะขยายการค้าให้กว้างยิ่งขึ้น แต่สมเด็จพระนารายณ์ไม่โปรดรับฟังเรื่องนี้เหล่านี้เพราะไม่โปรดที่ชนชาตินี้ชอบวางอำนาจ และคิดจะเอาประเทศของพระองค์เป็นเมืองขึ้น แต่พระองค์ทรงวางพระทัยในพระเจ้าแผ่นดินฝรั่งเศส และถ้าพระเจ้าหลุยส์มีพระราชประสงค์จะสร้างสัมพันธไมตรีกับพระเจ้ากรุงสยามแล้ว พระองค์จะทรงอนุมัติให้ชาวฝรั่งเศสสร้ามป้อมปราการที่บางกอกได้เมืองนี้เป็นเมืองสำคัญของราชอาณาจักร เป็นเหมือนกุญแจสำคัญของประเทศ แต่มีเงื่อนไขว่าฝรั่งเศสต้องส่งคนงาน วิศวกร และเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการก่อสร้าง
ฟอลคอนต้องการให้ชาวยุโรปมาทำงานด้านการปกครองประเทศ และคิดจะเตรียมคนเหล่านั้นให้มาแทนที่เขา คุณพ่อเดอ ลิออนน์ ได้เขียนจดหมายถึงผู้บริหารบ้านเณรที่กรุงปารีสเพื่อยืนยันเรื่องนี้ว่า “...สามหรือสี่คนที่มีความสามารถบริหารจัดการ เพื่อจะเข้ามาทำงานด้านการปกครอง และสามารถสืบตำแหน่งต่อจากเขาได้”
แต่เชอวาลิเยร์เดอ โชม็องต์ และลับเบเดอ ชัวซี ไม่ต้องการรับเรื่องนี้ไปกราบทูลพระเจ้าหลุยส์ ดังนั้น ฟอลคอนจึงทาบทามคุณพ่อตาชารด์ พระสงฆ์เยสุอิตท่านนี้เกิดความสนใจในข้อเสนอของฟอลคอน จึงรับเป็นธุระไปดำเนินการเมื่อกลับไปประเทศฝรั่งเศส ฟอลคอนสัญญากับคุณพ่อตาชารด์ว่าจะสร้างวิทยาลัยและหอดูดาวที่เมืองลพบุรีให้คณะเยสุอิตเป็นการตอบแทน ส่วนคุณพ่อตาชารด์ยืนยันกับฟอลคอนว่าคุณพ่อเดอ ลา แชส พระสงฆ์ผู้ฟังแก้บาปของพระเจ้าหลุยส์ จะใช้หน้าที่นี้ในการสร้างความน่าเชื่อถือเรื่องที่ฟอลคอนเสนอต่อพระเจ้าหลุยส์ เคานต์เดอ ฟอร์แบง ยืนยันว่า “คุณพ่อองค์นี้ถูกก็องสต็องซ์หลอกและคิดว่าการทำเช่นนี้เป็นการช่วยเหลือพระศาสนาและประเทศชาติ”
ฟอลคอนไม่เพียงแต่หลอกคุณพ่อตาชารด์เท่านั้น แต่เขาได้หลอกลวงราชสำนักฝรั่งเศสด้วยเหมือนที่เซเบอเรต์ ประกาศอย่างเปิดเผยว่า เขาไม่มีความประทับใจในตัวฟอลคอนแม้แต่น้อย เพราะฟอลคอนหลอกลวงราชสำนัก เขาสัญญาเรื่องเหลวไหลและไม่มีท่าทีว่าจะเป็นความจริงแม้แต่นิดเดียว
ส่วนคุณพ่อเดอ ลิออนน์ ที่เดินทางไปเป็นล่ามให้คณะทูตที่สมเด็จพระนารายณ์ทรงส่งไปที่ประเทศฝรั่งเศส ได้เขียนจดหมายไปหาคุณพ่อมาร์ตีโนว่า “นับเป็นพระญาณเอื้ออาทรสำหรับข้าพเจ้าจริงๆ ที่ไม่มีใครเลย ไม่ว่าจะเป็นพระเจ้าอยู่หัว (พระเจ้าหลุยส์) หรือผู้แทนของพระองค์ ถามข้าพเจ้าเกี่ยวกับเรื่องของประเทศสยาม และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับเมอซิเออก็องสต็องซ์ เพราะข้าพเจ้ามีความคิดเห็นที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับความคิดของคุณพ่อตาชารด์ ข้าพเจ้าทั้งหมดความกังวลใจไปมากที่สามารถเห็นหลีกเลี่ยงเรื่องนี้ได้”
ฟอลคอนเป็นคนเจ้าเล่ห์และอันตราย เป็นความจริงที่เขามีพรสวรรค์ด้านภาษา สามารถพูดและทำให้คนเข้าใจง่าย เขาจองหองและดูถูกพระสังฆราชลาโนว่าไม่มีความสามารถอธิบายเป็นภาษาไทยและใช้ราชาศัพท์ไม่เป็น ฟอลคอนเยาะเย้ยถากถางบรรดามิชชันนารี ว่าไม่มีความสามารถในการใช้ภาษา เขากล้าจนถึงขั้นเขียนจดหมายไปกราบทูลสมเด็จพระสันตะปาปาว่า “สิ่งที่พวกเขา (มิชชันนารี) ทำได้ดีคือ การขับร้องในมิสซาและการสวดทำวัตร และใช้ประสบการณ์บางอย่างมารักษาพยาบาลคนเจ็บน่าเวทนาในโรงพยาบาลของเขาเท่านั้น”