-
Category: ข้อพิพาทระหว่างมิชชันนารีในสยามระหว่างศตวรรษที่ 17
-
Published on Monday, 19 October 2015 08:25
-
Written by หอจดหมายเหตุ
-
Hits: 1946
คำตอบโต้จดหมายถึงบรรดาคริสตชน ของพระสังฆราชลังแบรต์ เดอ ลาม็อตต์
โดย คุณพ่อ ยากอบ เลอ โฟร์
กวางตุ้ง - 22 พฤศจิกายน ค.ศ. 1670
คำตอบของ คุณพ่อยากอบ เลอ โฟร์ คณะเยซุอิต ต่อจดหมายถึงบรรดาคริสตชนของพระสังฆราชแห่งเบริธ ส่งไปเป็นภาษาฝรั่งเศส จากแคว้นกวางตุ้ง ประเทศจีน ถึงคุณพ่อยากอบ เดอ มาโซลต์ (Jacques de Machault) ลงวันที่ 22 พฤศจิกายน และแปลเป็นภาษาลาตินโดยสมาชิกคนหนึ่งของคณะ (เยซุอิต) ในที่นี้มีเฉพาะภาค 3 ของเอกสารฉบับนี้เท่านั้น.
------------------------------------------------------------------------------
ท่านบิดาที่เคารพอย่างสูงในพระคริสตเจ้า (ขอให้) สันติของพระคริสตเจ้า (จงมีแด่ท่าน)
(จดหมายเริ่มด้วยการตัดพ้อว่าอย่างขมขื่น)
“ในจดหมาย 2 ฉบับที่แล้ว ข้าพเจ้าได้เขียนเล่าถึงเรื่องพิพาทที่เกิดขึ้นในดินแดนภาคนี้ ระหว่าง พระสังฆราชแห่งเบริธและบรรดาคุณพ่อของเราในแขวงญี่ปุ่น ข้าพเจ้าขอเพิ่มเรื่องราวต่อไปนี้ด้วยโดยไม่มีความสบายใจมากนัก พระสังฆราชท่านนั้นได้บอกในจดหมายที่ส่งมาถึงปี 1669 ให้ข้าพเจ้าทราบว่า ท่านมิได้คลายความรักที่เคยมีมาต่อพวกเราและการงานของคณะ (เยซุอิต) ลงไปเลย ยิ่งกว่านั้น ท่านอยากทำงานอยู่กับสมาชิกของเราทุกคนด้วยความสัมพันธ์ทางจิตอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับผู้ที่ทำงานอยู่ในแขวงนี้ ท่านอยากจะให้คนหนึ่งในจำนวนนี้อยู่ใกล้ๆกับท่านในฐานะอาจารย์ ไม่ใช่เพื่อน เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าคงไม่รังเกียจที่เราจะขอเรื่องนี้จากคุณพ่อเจ้าของคณะแขวง ถ้าเป็นที่อนุญาต เรื่องนี้จะเป็นบุญคุณใหญ่ยิ่งสำหรับท่าน นี่คือคำพูดของท่านเกือบทุกคำ เพราะฉะนั้น ในเมื่อท่านมีน้ำใจดีต่อพวกเราเช่นนี้ ข้าพเจ้าก็ได้ตอบสนองไปตามเรื่องราวที่ควรจะเป็น ว่ามิใช่ (สมาชิก) คนเดียวเท่านั้น แต่ทว่า ทุกคนที่อยู่ในดินแดนนี้ จะทำทุกสิ่งให้ท่านมีความสุข ถ้าพวกเราจะสามารถทำได้ในเรื่องใดเพราะเราเป็นหนี้ท่านอย่างมากที่สุดที่ท่านกรุณามีความรักต่อพวกเราอย่างพิเศษเช่นนี้ พวกเราสรรพพร้อมที่จะกระทำสิ่งใดไม่ว่าที่ท่านต้องการ เพื่อให้ท่านพอใจ แต่ข้าพเจ้าก็ได้รู้สึกสะเทือนใจมากทีเดียว เมื่อในเดือนกรกฎาคมที่เพิ่งผ่านมานี้ ข้าพเจ้าได้รับสำเนาจดหมายของท่านถึงบรรดาคริสตชน จากคุณพ่อโยเซฟ ติสซานิเอร์ ชาวฝรั่งเศส อธิการของพวกเราในอาณาจักรสยาม จดหมายฉบับนี้ท่านสังฆราชแห่งเบริธจัดการส่งให้ทั่วทุกแห่งในเวลาเดียวกับที่ท่านได้เขียนถึงข้าพเจ้าด้วยถ้อยคำที่เป็นมิตรอย่างนั้น”
(..................)
ข้อกล่าวหาพวกเราข้อสุดท้ายที่ถูกหาว่าเป็นข้อแรกและสำคัญกว่าหมด และดูเหมือนจะเป็นการประณามประการเดียวที่จดหมายถึงบรรดาคริสตชนฉบับนั้นกล่าวไว้ ก็คือเรื่องการค้าอันสกปรกที่สมาชิกคณะของเราถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้กระทำ “ในฐานะเป็นตัวแทนการค้าของใครๆ ไม่ว่าที่แสวงหาผลกำไรจากเงินทอง” โดยไม่มีจุดประสงค์อื่นใด ถ้าควรจะเชื่อการตีความอย่างฐานกรุณาของเจ้าของจดหมาย นอกจากเพื่อจะตอบสนอง “ความหิวทรัพย์สมบัติอันไม่รู้จักอิ่มที่พวกนี้ถูกรบกวนอยู่” ให้น้อยลงเสียบ้าง “เพื่อที่จะตอบสนองตัณหาน่าเกลียดซึ่งเป็นคมมีดทำลายนักบวชเช่นนี้ได้สมใจ พวกเขาจึงลงแรงทำการค้า มีเรือบรรทุกสินค้าของตนตามเก็บสินค้าที่มีชื่อแทบทุกแห่ง” การกระทำที่น่าให้พวกเขาหมกมุ่นอยู่กลับการค้าอันน่าสกปรกนี้ดูเหมือนมิใช่อะไรอื่นนอก จากความเชี่ยวชาญที่สมาชิกในคณะ (เยซุอิต) ของเรามีในการสะสมความร่ำรวย ขอให้ผู้ที่มีเวลาลองมาดูสักหน่อยเถิดว่า คำกล่าวหาเหล่านี้เข้ากันได้ดีไหมกับสิ่งที่สมเด็จพระสันตะปาปา อเล็กซานเดอร์ ที่ 7 ได้ตรัสไว้จริงๆ อย่างชาญฉลาด นั่นคือ (พระองค์ได้ตรัสไว้ว่า) เป็นที่น่าแปลกประหลาดที่ในคณะ (เยซุอิต) ที่มีสมาชิกที่มีความรู้ ความศรัทธาและความศักดิ์สิทธิ์ดีเด่นในจำนวนไม่น้อย กลับมาหาเหรัญญิก ที่เราเรียกว่า “Procurator” สักคนหนึ่งซึ่งมีความเชี่ยวชาญในเรื่องเศรษฐกิจแทบไม่ได้ แต่ให้เรากลับมาสู้ผู้ที่กล่าวหา (คือพระสังฆราช เดอ ลาม็อตต์ - ผู้แปล) ดีกว่า เขากล่าวต่อไปว่า “เพราะฉะนั้น จึงไม่เป็นการอัศจรรย์อีกต่อไปที่บ้าน (นักบวช) เหล่านั้นใหญ่โตโอ่อ่า และมีทรัพย์สินที่พวกนี้สะสมไว้มากมายจนแทบนับไม่ไหว” และสิ่งที่น่าเศร้าก็คือทรัพย์สินที่เก็บไว้นี้ นำความเสียหายให้แก่ศาสนา จนไม่น่าพิศวง“งานพระศาสนจักรบังเกิดผลอันน้อยเช่นนี้” ยิ่งกว่านั้น เจ้าของจดหมายคนเดียวกันยังเสริมอีกว่า “พระศาสนจักรคาทอลิกต้องเสียชื่อเสียงเป็นอย่างมาก เนื่องจากการเป็นที่สะดุดอย่างใหญ่หลวงของบรรดานักบวชเหล่านี้ จนสมแล้วที่จะสงสัยว่าคงจะเป็นการดีกว่าสำหรับพระศาสนจักรมิใช่หรือที่พวกนี้จะไม่เดินทางเข้าถึงที่นี่”
เพื่อที่ข้าพเจ้าจะตอบโตข้อกล่าวหาเหล่านี้ ข้าพเจ้าจะกล่าวความจริงอย่างตรงไปตรงมาว่า ข้าพเจ้าก็เกลียดนักบวชพ่อค้า จนว่าถ้าเจ้าของจดหมายนั้นไม่ใช้การมุสามากมายเพื่อทำให้ทุกคนเกิดมีความเกลียดชังต่อสมาชิกของเรา โดยขยาย “เงาของความจริงเล็กน้อย” ให้ใหญ่โตจนเกินไป หรือบิดเบือนจนหน้าอับอายแล้ว ข้าพเจ้าก็คงได้ยิ้มเยาะเขาที่รู้จักเปลี่ยนแมลงวันให้เป็นช้างไปได้อย่างเชี่ยวชาญ แต่ทว่า เนื่องจากข้อเขียนนั้นเกี่ยวข้องกับทุกคน และประกอบขึ้นด้วยถ้อยคำที่ตรงกันข้ามกับความจริง ข้าพเจ้าก็คงทรยศต่อความจริงอย่างสิ้นเชิง ถ้าข้าพเจ้าปล่อยให้คำกล่าวที่ไม่ตรงกับความจริงเช่นนี้ผ่านไปได้อย่างลอยนวล
ดังนั้น ผู้ถูกกล่าวหาคือ บรรดามิชันนารีทุกคนทางภาคตะวันออก โดยเฉพาะสมาชิกของคณะเยซุอิต (จดหมายเขียนว่า “ความเหลวแหลกของบรรดามิชชันนารีในดินแดนทางตะวันออกเหล่านี้ โดยเฉพาะพวกเยซุอิตนั้นมีมากมาย...” ฯลฯ) ทำไมพวกเขาจึงทำการค้าอันน่าอับอายอย่างนั้น และทำไมจากชื่อนั้นทุกคนจะต้องได้ยินแต่เรื่องไม่ดี - ข้าแต่พระเจ้าผู้ทรงความดี ความผิดใหญ่โตอะไรเช่นนี้ - ข้าพเจ้าขออัญเชิญพระเป็นเจ้ามาเป็นพยาน และไม่ว่าท่านที่กล่าวหาพวกเราว่ามีผิดหนักเพียงนี้ จะเป็นใครไม่ว่า ข้าพเจ้าก็ขอเชิญมาต่อหน้าพระเป็นเจ้า แต่จงเปิดเผยให้ชักเจนว่าท่านได้เห็นมากับตาตนเอง หรือตาของคนอื่น? ท่านได้รับฟังมาจากพยานที่น่าเชื่อถือได้หรือเปล่าว่าสมาชิกในคณะของเราได้ทำการค้าในดินแดนทางตะวันออก ที่พวกเขากำลังประกาศความเชื่อคริสตังแก่คนต่างศาสนาอยู่นี้ จงนำพยานสัก 2-3 คนเพื่อพิสูจน์ความผิดนี้ เพื่อเเสดงให้ชัดเจนว่าสมาชิกของเราทำการค้าอันสกปรกนั้นเพื่อผลประโยชน์ของตนเองหรือของผู้อื่น แต่ควรจะจำกัดเรื่องให้เข้าจุดมากขึ้น สมาชิกบางคนของเราอาศัยอยู่ในอาณาจักรสยามและกัมพูชา เพื่อให้บริการเรื่องเกี่ยวกับความรอดของวิญญาณแก่ชาวโปรตุเกสและคนต่างชาติอื่นๆ ที่ผ่านไปมา แต่ทว่าเมื่อประสบการณ์เวลาหลายปีบอกให้ทราบว่า ชาวพื้นเมืองในดินแดนเหล่านี้ไม่เหมาะที่จะรับความเชื่อ และยิ่งไม่เหมาะที่จะรักษาความเชื่อนั้นไว้ให้มั่นคงต่อไป การงานทั้งหมด อย่างน้อยที่สำคัญจึงเกี่ยวข้องกับชาวตังเกี๋ย โคชินจีน และชาวจีนเสียเป็นส่วนใหญ่ สำหรับคำกล่าวนี้ ข้าพเจ้าขออ้าง คุณพ่อเดดีเอร์เป็นพยาน ท่านผู้นี้เป็นที่น่านับถือ มีคุณธรรมเป็นที่รู้จักและมีความรู้ไม่ใช่ธรรมดา (ท่านมีปริญญาเอกทางเทววิทยา) ขอให้ท่าน (คุณพ่อเดดีเอร์) พูดแต่ให้พูดจากใจและพูดความจริง ว่านับตั้งแต่ท่านไปอยู่ในแคว้นตังเกี๋ย - ขอให้ท่านพูดเถิด ข้าพเจ้าขอร้อง -ว่าตั้งแต่เวลา 3 ปี ท่านได้เห็นหรือได้ยินจากใครที่น่าเชื่อถือได้ว่า สมาชิกคณะของเราบางคนในอาณาจักรนี้ได้ทำการค้าหรือเปล่า? ขอให้ท่านพูดเถอะ และพิสูจน์ เพื่อว่าเมื่อทราบรายละเอียดจากการรายงานของท่าน เราจะได้ดำเนินคดีกับจำเลยตามกฎหมาย เมื่อสองปีก่อนมีเรือสินค้าลำหนึ่งออกเดินทางจากเมืองมาเก๊าจากประเทศตังเกี๋ย เรือลำนี้เหรัญญิกของสำนัก (นักบวช) ที่มาเก๊าได้สั่งให้บรรทุกสิ่งของต่างๆ ที่ท่านได้พยายามรวบรวมได้มาจากที่ต่างๆ ไม่ใช่โดยคิดจะทำการค้าอย่างที่คู่อริของเราชอบกล่าวหาแต่เพราะ ความจำเป็นแต่ประการเดียว นั่นคือ ตลอดเวลา 3 ปีที่ผ่านมาท่านไม่ได้พบใครที่อยากเสี่ยงลงทุนเดินเรือที่มีอันตรายเช่นนี้ โดยไม่หวังผลกำไรเลย พร้อมกันนั้นจะได้ขนสิ่งของที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีพ ไปให้สมาชิกของเราที่อยู่ในแคว้นตังเกี๋ย เรือนั้นยังได้บรรทุกพระสงฆ์คณะของเราอีก 3 คน และภราดาผู้ช่วยอีก 1 คน (ขอให้คุณพ่อเดดีเอร์กล่าว่า) มีใครในพวกนี้บ้างได้รับธุระจัดการเรื่องสินค้าที่เรือบรรทุกไป แม้ว่าส่วนหนึ่งเกี่ยวข้องกับสำนักที่เมืองมาเก๊า ?
คุณพ่อเชอเวริล (Chevreul - มาในแคว้นโคชินจีนเมื่อปี 1664 ในฐานะอุปสังฆราชของพระสังฆราชลังแบรต์ เดอ ลา ม็อตต์) ได้มาอยู่กับคุณพ่อของเรา (คณะเยซุอิต) ในแคว้นโคชินจีน ชั่วระยะเวลาหนึ่ง คุณพ่อแฮ็งค์ (Hainques) ก็ได้เปลี่ยนเครื่องแต่งกาย (มาแต่งอย่างชาวญี่ปุ่น) มาอยู่ ณ ที่เดียวกันเป็นเวลาหลายปี ให้เขาซักถามท่านทั้งสองนี้เถิด แน่นอนข้าพเจ้ารู้จักท่านทั้งสองนี้ว่าเป็นผู้น่าเชื่อถือได้จริงๆ จนข้าพเจ้าไม่สงสัยเลยว่าท่านจะกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า ท่านได้เห็นมิใช่จากประสบการณ์เท่านั้น แต่จากคำบอกเล่าของชาวพื้นเมืองด้วยว่า บรรดามิชชันนารีของคณะของเราไม่ใช่คิดถึงธุรกิจการค้าอื่น นอกจากธุรกิจที่จะหาวิญญาณเป็นกำไรมาให้พระเป็นเจ้า (บรรดามิชชันนารีเยซุอิต) มีความมุ่งมั่นและความคิดนั้นอยู่เสมอแต่อย่างเดียว แม้กระทั่งในยามที่มีความขัดสนอย่างมากมายเกี่ยวกับเรื่องภายในบ้าน โดยเฉพาะเมื่อไม่มีเรือสินค้าของมาเก๊าลำใดมาจอดที่ท่าเรือ เพื่อจะนำเงินประจำปีจำนวน 50 เหรียญ ซึ่งเป็นยอดเงินที่กำหนดไว้ให้สมาชิกพวกเราแต่ละคนสำหรับเป็นค่าอาหาร และค่าใช้จ่ายวัดของตนเอามาให้หรือให้ยืม
ยังเหลือที่อีกแห่งหนึ่ง คือ จักรวรรดิจีนอันกว้างใหญ่ไพศาลที่พระสังฆราชแห่งเบริธปรารถนาจะไปมาหลายปีแล้ว แต่เนื่องจากว่าอันตรายต่างๆ ทางบก การประสบกับเรืออับปางทางทะเล รวมทั้งความโหดร้ายของพวกมองโกล ทำให้ท่านไม่สามารถจะไปเยี่ยมดินแดนกว้างใหญ่ไพศาลนี้ด้วยตนเองได้ ข้าพเจ้าจึงใคร่จะท่องเที่ยวไปสำรวจทั่วจักรวรรดิอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ให้ได้ยินด้วยหูและเห็นด้วยตา ท่านคงจะทราบแน่ว่าท่านเกลียดชังการค้าขายในบรรดานักบวชเท่ากับที่ท่านเคยเกลียดดังที่บอกไว้ในจดหมายที่ส่งมาถึงข้าพเจ้าหลายครั้งแล้ว ท่านคงจะมีความบรรเทาอย่างใหญ่หลวง เมื่อได้ยินหรือได้ว่า ในแคว้นทุกแคว้นของจักรวรรดิอันยิ่งใหญ่นี้ สมาชิกของคณะเราเป็นผู้บริสุทธิ์สักเพียงไรจากมลทินข้อนี้ และได้รับความนับถือจากชาวจีนต่างศาสนาอย่างมากเพียงไร ชาวจีนพวกนี้ไม่เพียงแต่ไม่ถือว่าการค้าเป็นสิ่งไม่สมควรสำหรับเจ้านายเท่านั้น ยังกลับคิดว่า (การค้า) เป็นสิ่งจำเป็นเสียด้วย เพราะถ้าพวกเจ้านายไม่ทำการค้าแล้ว พวกเขาก็คิดว่าพวกเจ้านายจะดำเนินชีวิตอยู่โดยสุจริตไม่ได้เลย และถ้าท่าน (พระสังฆราช ลังแบรต์) จะเห็นด้วยตาว่าพวกเราไม่ได้รับอะไรจากเมืองมาเก๊า หรือกวางตุ้ง นอกจากสิ่งยังชีพเพียงเล็กน้อย และไม่ได้สิ่งนั้นมาจากขายสินค้าเลย แต่เป็นเงินนิดหน่อยที่เขาส่งมาให้เราจากที่นั่นโดยเสี่ยงอันตราย แม้ว่าการส่งสินค้ามาจะเป็นการปลอดภัยมากกว่า และการขายปลีกสินค้าเหล่านั้นจะช่วยให้ดำเนินชีวิตได้สะดวกสบายกว่ามากทีเดียว ความจริงของคำกล่าวพร้อมกับความบริสุทธิ์ของเราจะกระจ่างขึ้นถ้าข้าพเจ้าจะบอกว่า ข้าพเจ้าจำไม่ได้ว่าได้เคยเห็นเป็นอย่างอื่น เมื่อข้าพเจ้าเข้ามาในประเทศจีนครั้งแรกพร้อมกับสมาชิกคณะของเราบางคน คุณพ่อเหรัญญิกของสำนักที่มาเก๊าได้ใช้โอกาสนั้น ส่งข้าวของเครื่องใช้สำหรับพวกเราที่ได้รวบรวมไว้แต่นานแล้ว มากับพวกเราเข้าไปในประเทศจีน สิ่งของเหล่านั้นมีหนังสือ เครื่องประดับสำหรับพระแท่นบูชาบ้าง นอกจากนั้นยังมีเหล้าองุ่นสำหรับถวายมิสซา, เครื่องมือสำหรับทำแผ่นศีล และอะไรอื่นทำนองนี้ ทุกสิ่งเหล่านี้ เมื่อรวมเข้ากับสัมภาระของพวกเราเองแล้วก็กลายเป็นของมีปริมาตรไม่น้อยทีเดียว เราต้องเดินทางกับสัมภาระเหล่านี้ผ่านด่านซึ่งอยู่ที่เชิงภูเขาที่กั้นแคว้นกวางตุ้งจากส่วนอื่นๆ ของประเทศจีน เมื่อพวกเรามาถึงที่นี่ ก็มีข้าราชการคนหนึ่งมาดูแลสัมภาระมากมายอย่างนี้ เขาเริ่มเกรงว่าสินค้าต้องเสียภาษีบ้าง แต่ข้าราชการอีกคนหนึ่งในพวกหัวหน้าทราบดีว่าใครบ้างไม่เกี่ยวข้องกับการสะสมสินค้าไว้สำหรับตนเองเท่าๆ กับที่พวกเราเคยสลวนต่อสัมภาระเหล่านี้ และดังนี้พวกเราก็ได้ผ่านจากที่นั่นไปโดยไม่มีใครสักคนตรวจดูหีบห่อสัมภาระของเรา พวกเขาแน่ใจว่าพวกเรารังเกียจกำไรเช่นนี้ (คือการค้า) บางทีจากนี้เอง ได้เกิดเรื่องที่หลายคนเชื่อ ข้าพเจ้าได้ยินเรื่องที่หลายคนกระพือข่าวเล่าลือกันว่าพวกเราได้พบหินวิเศษที่มีผลให้เราดำรงชีพอยู่ได้ดีโดยไม่ต้องทำการค้า ในขณะที่ประเทศจีนทั่วไปพยายามตั้งหน้า ตั้งตาหาหินวิเศษนั้นเต็มที่ และพวกเจ้าครองนครเองซึ่งคิดว่าโชคของตนขึ้นอยู่กับสิ่งนี้แทบจะทนโชคชะตาของตนไม่ได้ จะเป็นอย่างไรถ้าพวกเขาจะรู้ว่าพระสังฆราชกล่าวร้ายแรงอย่างรุนแรงเช่นนั้น พวกเขาที่เราเคยกล่าวยกย่องตำแหน่งอันสูงส่งของพระสังฆราชให้ฟังทั้งด้วยคำพูดและข้อเขียน? เราคงจะต้องกลัวว่า ในที่สุดพวกเขาจะถือว่าเราไม่สู้จะชอบความจริงนัก เพราะเราไป ยกย่องเสียมากมาย ผู้ที่ทำลายชื่อเสียงของเราอย่างน่าเกลียดประกาศว่าเราอยู่ไกลที่สุดจากคุณธรรมอันนั้น ซึ่งเป็น (คุณธรรม) แต่อย่างเดียวที่ทำให้ประชาชนตะวันออกทุกชาติรักใคร่และพิศวงในตัวเรา แต่ให้เราพิจารนาอย่างถี่ถ้วนยิ่งขึ้นว่าอะไรเป็นเหตุที่ความมุ่งร้าย อันรุนแรงอันนั้น แต่ไม่ตรง ความจริง จึงไม่สามารถทำร้ายอะไรเราๆ ได้ นักบวชของคณะ (เยซุอิต) ที่อยู่ในดินแดนตะวันออก ทั้งที่ทำงานเพื่อนำคนต่างศาสนามาหาพระคริสตเจ้า ทั้งทำงานเพื่อช่วยเหลือคริสตังเก่าและใหม่ แยกกันเป็น 3 แขวง คือ กัว มาลาบาร์ และญี่ปุ่น สองแขวงแรก ซึ่งมีจำนวนสมาชิกเท่าๆ กัน ตั้งอยู่เลยช่องแคบมะละกาไป (ทางตะวันตก) แขวงสุดท้ายซึ่งเล็กกว่ามาก ตั้งอยู่ในช่องแคบเดียวกัน และรวมเทียบแขวงจีนเข้าไว้ด้วย แต่ทว่า นับตั้งแต่มีการเบียดเบียนคริสตชนในญี่ปุ่น ก็ไม่มีผู้ประกาศพระวรสารคนใดเข้าไปในเกาะเหล่านี้ได้อีก แขวงนี้ที่เคยมีจำนวนสมาชิกและความรุ่งเรืองอย่างมากมาก่อน ก็เล็กลงจนไม่มีสำนักอื่นนอกจากที่มาเก๊า มิชชันนารีของคณะที่ทำงานในตังเกี๋ย โคชินจีน กัมพูชา สยาม และดินแดนอื่นๆ ที่เพิ่งค้นพบก็ออกเดินทางไปมาเก๊านี้และรับค่าใช้จ่ายเลี้ยงดูจากสำนักนี้ด้วย เมืองหรืออาณานิคมมาเก๊า (ซึ่งเรียกได้ทั้งสองอย่าง) เป็นที่อยู่ของชาวโปรตุเกสทั้งหมด และตั้งอยู่ปลายคาบสมุทรหรือเกาะ ซึ่งชาวจีนเรียกเป็นภาษาของเขาว่า “เฮียมชัม” แยกจากแผ่นดินที่เหลือซึ่งชาวจีนอาศัยอยู่ อย่างที่ว่าไม่มีใครสามารถเข้าออกไปยังดินแดนติกันนี้ได้นอกจากผ่านทางประตูเดียว ซึ่งจะปิดหรือเปิดตามใจข้าราชการจีน นอกจากนั้น สิ่งจำเป็นสำหรับยังชีพชาวเมืองทุกอย่าง แม้ของธรรมดา เช่น น้ำมัน ข้าสาลี ข้าวเจ้า และอาหารอื่นเช่นนี้ ต้องขนส่งเข้ามาในเมืองทางประตูนี้ประตูเดียว เมืองนี้มาอาณาเขตคับแคบมากจนกระทั่งแทบไม่มีที่สำหรับทำสวน สำหรับบุคคลสำหรับบุคคลสำคัญสักคนหนึ่งหรือสองคนได้ ดังนั้น เนื่องจากชาวเมืองไม่มีวิธีเลี้ยงชีพอย่างอื่นนอกจากการเดินเรือ ทุกคนจึงจำเป็นต้องเอาตัวและข้าวของของตนลงเรือไปเสี่ยงโชคเพื่อจะได้กำไรเล็กน้อยมาเลี้ยงชีวิต ซึ่งมิฉะนั้นจะน่าทุเรศอย่างมาก พระสงฆ์ทั้งหลายที่อยู่ในเมืองนี้รวมทั้งนักบวชและภคินีคณะคลาริสด้วย ก็มีความจำเป็นต้องทำเช่นเดียวกัน (เป็นความจริงว่าภคินีเหล่านี้มีวินัยกำหนดไว้ให้ถือความยากจนอย่างเคร่งครัดที่สุด) เพราะฉะนั้น เมื่อมีความยากลำบากขั้นสุดท้ายในการครองชีพอย่างเห็นได้ชัดแจ้งนี้ ทุกคนก็มีอนุญาตให้ใช้สิทธิตามธรรมชาติ (เพื่อรักษาชีวิตไม่ให้อดตาย) มีแต่พวกเยซุอิตที่ทำเช่นนี้ไม่ได้ และถ้าสถานการณ์นี้ยังให้สิทธิไม่พอ พวกเขาก็ได้ขอร้องให้พระสันตะปาปาทรงรับรองอนุญาตนี้ เพื่อจะขจัดมลทินเรื่องการค้าอันน่ารังเกียจยิ่งนี้ออกไปจากตนยิ่งขึ้น แต่ถึงกระนั้น พวกเขาก็ยังถูกกล่าวหาว่ามีผิด คล้ายกับว่าแม้จะมีความจำเป็น บังคับจริงๆ ก็ไม่สามารถทำอย่างที่เป็นที่ยอมรับสำหรับผู้ที่ดำเนินชีวิตอย่างเดียวกับพวกเขา แม้จะมีวินัยต่างกันก็ตาม แน่นอน ไม่มีพวกคุณพ่อ (เยซุอิต) คนใดสามารถปลดแอกที่เกะกะอันนั้นได้ แล้วไม่อยากผลักมันให้ออกไปไกลๆ จากตน ข้าพเจ้าเอง เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ได้ถูกเรียกมาปรึกษากับคุณพ่อของคณะ 10 ท่านของแขวงนี้ (จีน) คุณพ่อทุกองค์ตกลงเป็นเอกฉันท์ว่า ต้องเลิกทำการค้านั้นให้หมด ยิ่งกว่านั้น 2-3 เดือนต่อมา คุณพ่อของแขวงประเทศจีนก็ได้กำหนดเช่นนี้ และข้อกำหนดนี้ยังถือกันอย่างเหนียวแน่นถึงปัจจุบัน จนกระทั่ง ว่าบางครั้งปรากฏออกมาว่าพวกเขามีความขัดสนแร้นแค้นถึงที่สุด และบ่อยๆ จำต้องทนขอทานเพื่อเลี้ยงชีพ พวกเขาก็ยังยินดีที่จะเผชิญความลำบากจากความยากจนอย่างอดทนมากกว่าจะฝ่าฝืนกฎหมายที่บังคับตนอยู่ โดยใช้อภิสิทธิ์ที่ได้รับเนื่องจาก มีเหตุผลพอสมควร ส่วนบรรดาคุณพ่อของแขวงญี่ปุ่น ในฐานะที่มีจำนวนมากและกระจัดกระจายอยู่ในที่ต่างๆ ที่ไม่มีเงินทานสำหรับดำรงชีพเลย หรือไม่สามารถเรียกมาประชุมกันได้โดยที่พระศาสนจักรจะไม่ได้รับความเสียหายอย่างโจ่งแจ้ง พวกเขาจึงกำหนดไว้อย่างรอบคอบ คือ พวกเขามีความจำเป็นอย่างน้อยชั่วระยะหนึ่งที่จะละเว้นจากการปฏิบัติตามข้อตกลงอันนี้ แต่ก็พร้อมที่จะปฏิบัติตาม เมื่อมีหวังว่าสันติภาพจะเกิดขึ้นอีก ยิ่งกว่านั้น เมื่อเร็วๆนี้ ผู้รักษาการตำแหน่งพระสังฆราชแห่งมาเก๊า และชาวเมือง(มาเก๊า) ยังให้หนังสือรับรองเป็นทางการแก่พวกเขา ในหนังสือนั้น พวกเขาแจ้งว่าข้าวของของคณะ (เยซุอิต) ในเมืองมาเก๊าไม่สามารถจุนเจือชีวิตได้เลยและไม่สามารถจัดหาสิ่งที่จำเป็นให้แก่ผู้ที่ทำงานประกาศพระวรสารได้โดยไม่ทำธุรกิจการค้าบางอย่างตามธรรมเนียมของท้องถิ่นนั้น จะเป็นอะไรไปที่พวกเขาได้พยายามใช้หนทางที่ตั้งแต่นานมาแล้วดูเหมือนว่าเป็นหนทางเดียวที่ยังมีเหลืออยู่เพื่อที่จะสามารถขจัดภาระนี้ไปได้ (บรรดานักบวช) ได้เคยคิดแยกเงินกองทุนของตนส่วนมากเอาไว้ซื้อที่ดินในประเทศอินเดียและโปรตุเกส แล้วใช้รายได้ประจำปีจากที่ดินเหล่านี้สำหรับเลี้ยงชีพได้ โดยไม่จำเป็นต้องทำการค้า ไม่ว่าโดยวิธีใดๆ แต่ว่าสงครามกับพวกฮอลันดาทำให้ทะเลมีอันตรายจนกระทั่ง บางครั้งเมืองมาเก๊าล่วงเวลา 4-5 ปีเต็ม โดยไม่มีเรือจากเมืองกัวสักลำเดียวปรากฏให้เห็น และแม้ว่าตั้งแต่มีการตกลงสันติภาพ(ระหว่างฮอลันดากับโปรตุเกส ในปี 1661 - ผู้แปล) กันแล้ว บางครั้งมีเรือเข้าท่า นั่นคือ อย่างน้อยทุกสองปี แต่ก็ไม่มีสันติภาพอันถาวร ไม่มีหวังจะมีการสงบศึกได้ง่ายๆจากมหาสมุทรอันมีชื่อในเรื่องทำให้เรืออับปางนั้นได้ เมื่อปีที่แล้ว เรือลำหนึ่งซึ่งออกมาจากอินเดีย ได้ถูกพายุซัดจมลงไม่ไกลจากมะละกา ก็ได้ทำให้คุณพ่อที่มาเก๊าต้องผิดหวัง ไม่ได้รับเงินช่วยเหลือสำหรับ 2 ปี เพราะเหตุนี้ ข้าพเจ้าจึงใคร่อยากให้ผู้กล่าวหาพวกเราช่วยบอกหน่อยว่า มีวิธีแก้ไขที่พวกเขาเห็นว่าเหมาะสมในกรณีน่าเศร้าบ่อยๆ เช่นนี้อย่างไรบ้าง? ข้าพเจ้าใคร่จะให้เขาช่วยบอกว่าจะมีวิธีหลีกเลี่ยงความไม่สะดวกสุดยอดนี้ได้อย่างไร จะต้องมีแผนการอย่างไร สำหรับคอยระวังความปลอดภัยของมิสซังในอันตรายใหญ่เช่นนี้? จะจัดการสำหรับความรอดของวิญญาณอย่างไร? ให้พวกเขาช่วยบอกซิว่ามีหนทางจัดการเรื่องนี้อย่างไรบ้าง ถ้าไม่มีอะไรเลยใกล้มือที่สามารถจะใช้ยังชีพได้ แต่เป็นที่ประจักษ์อย่างแน่นอนว่า สิ่งยังชีพนั้นไม่สามารถหาได้โดยวิธีอื่นในเมืองมาเก๊านี้ นอกจากการค้า ซึ่งก็คือให้ยืมเงินของตนแก่ผู้ที่เซ็นสัญญาโดยไม่มีสิ่งใดประกัน นอกจากสินค้าซึ่งเขาจำต้องมอบไว้กับทะเลญี่ปุ่นที่ไว้ใจไม่ได้เลย ข้าพเจ้าขอถามว่าการกระทำเช่นนี้เป็นการกระทำของผู้ที่ไม่รอบคอบและไม่ชำนาญ หรือของผู้ที่เต็มใจอยากเสี่ยงกับอันตรายแน่นอนที่สุดจะสูญเสียแม้กระทั้งสิ่งที่จะสามารถช่วยเขาไม่ให้อดตายใช่หรือไม่ เพราะฉะนั้น ในอันตรายขั้นสุดท้ายเพื่อเขาจะได้มีสิ่งที่จะช่วยยังชีพบ้าง แน่นอนทีเดียว การกระทำเช่นนี้ไม่น่าจะมีผู้เฉลียวฉลาดคนไหน แม้จะเคร่งครัดสักเพียงใด จะตำหนิได้ สมเด็จพระสันตะปาปา เกรโกรีที่ 13 ก็ทรงเห็นด้วย จึงทรงยอมอนุญาตพวกเขาในเรื่องนี้ ให้เรียกการทำธุรกิจนั้นว่าเป็นงานไม่ใช่การค้า แต่เป็นความพยายามแสดงเมตตาธรรม ข้าพเจ้าจึงเห็นชัดว่า เจ้าของจดหมาย (พระสังฆราช เดอ ลา ม็อตต์) มีความเห็นในเรื่องนี้แตกต่างกับสมเด็จพระสันตะปาปาผู้ชาญฉลาดพระองค์นั้น เขาคงอยากจะให้งานดูแลความรอดของวิญญาณถูกทิ้งไปหมด มากกว่าถ้า (นักบวชคณะของ) เราจะรับมาทำโดยวิธีการที่เขาคิดว่าเป็นที่น่ารังเกียจและน่าทุเรศสำหรับชาวตะวันออกทั้งหลายกระมัง นอกนั้น ถ้าหากจะเชื่อตามผู้กล่าวหานี้อีก เหรัญญิกที่เมืองมาเก๊าก็มีความผิดทุกอย่างที่กระทำกับที่นี่ นั่นคือ เพราะถ้าเขาได้นำเงินนิดหน่อยมาทำการค้าที่ทำได้ไม่ผิด และจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับเลี้ยงดูบรรดามิชชันนารีที่ทำงานอาบเหงื่อต่างน้ำ ในสวนองุ่นของพระเจ้า เขากล่าวหาว่า“ทุกคนก็เห็นชัดว่า นับตั้งแต่พวกเยซุอิตไม่ได้ยอมปฏิบัติตามระเบียบของสันตะสำนักในเรื่องธุรกิจการค้าที่กำลังกล่าวถึงอยู่นี้ งานพระคริสตศาสนาก็สูญเสียอย่างน่าอนาถ” นอกนั้นความผิดของพวกเยซุอิตนี้, หากเบื้องบนพอพระทัย, ยังดูเหมือนเป็นสาเหตุแต่ประการเดียวของความเสียหายต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับชาวโปรตุเกสในสถานที่เหล่านี้ เช่น เมื่อพวกเขาถูกขับไล่ออกจากญี่ปุ่น จีน ตังเกี๋ย โคชินจีน เกาะมักกะสัน และที่ป้อมต่างๆของพวกโปรตุเกสถูกโจมตี เช่นในเกาะลังกา อาณาจักรจัฟฟา เนคาปัตตานี มักกะสัน มะละกา เมลีอาปุระ โคชิน มานาร์ ฯลฯ
แต่ถ้าพวกเขามีความผิดเช่นนี้ต่อสำนักพระสันตะปาปาที่กรุงโรม ในฐานะที่ไม่นบนอบเชื่อฟังอย่างร้ายแรงต่อพระศาสนจักรละก็ เหรัญญิกแห่งมาเก๊าก็ก็เป็นคนหนึ่งที่มีความผิด เพราะใช้อภิสิทธิ์ที่พระสันตะปาปาทรงมอบให้ แล้วทำไมจึงไม่มีใครลุกขึ้นกล่าวโทษท่านผู้นี้เล่า? หรือทำไมบรรดาผู้ใหญ่ของเขาที่ปล่อยให้เขากระทำเช่นนี้จึงไม่ถูกกล่าวหาด้วย? ทำไมโทษเหล่านี้จึงไม่ตกกับเมืองมาเก๊าด้วยที่ยอมเห็นชอบให้มีการกระทำเช่นนี้ ขอให้สวรรค์บันดาลให้เกิดโทษเช่นนี้ซิ แต่ทว่าไม่เห็นการสมควรอย่างแน่นอนที่บรรดาเหรัญญิกในอินเดีย และมาละบาร์จะถูกป้ายความผิดไปด้วย พวกเขาไม่เคยมีใครกล่าวหาว่าทำการค้าขายน่าเกลียดเช่นนี้เลย เพราะพวกเขามีทรัพย์สินเพียงพอเลี้ยงชีพได้อย่างสุจริตโดยไม่ต้องทำอย่างนั้น ดังนั้น ทำไมจึงกล่าวหารุนแรงอย่างนั้นกับบรรดามิชชันนารีทางตะวันออกเล่า? เขาไม่มีความผิดเรื่องนี้และไม่สามารถทำอะไรกับผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าทำความผิดนั้นได้ ทำไมจึงก่อให้เกิดเรื่องอื้อฉาวขึ้นกับผู้บริสุทธิ์ในแคว้นตังเกี๋ยและโคชินจีน ทั้งผู้ที่อภิบาลและสัตบุรุษเล่า? ในที่สุดทำไมจึงมีการกล่าวคำเท็จมากมายอย่างนั้นให้บรรดาคริสตังใหม่ของกลุ่มคริสตชนเหล่านั้นฟังส่วนตัวและส่วนรวมเล่า? คงเป็นเพราะว่าพวกเขาไม่สามารถสังเกตเห็นความจริงที่มีเงามืดคลุมไว้มากอย่างนั้นง่ายๆ จึงเป็นหวังว่าพวกเขาจะเห็นด้วยกับความไม่ถูกต้องนี้ง่ายขึ้น เพราะจิตใจมนุษย์เราก็เอนเอียงอยู่แล้ว แล้วจากนั้น ความเคารพและความรักต่อผู้สั่งสอนจะได้ถูกถอนออกไปจากจิตใจของพวกเขาโดยสิ้นเชิงพร้อมกับศาสนา
คุณพ่อเดดีเอร์ (Deydier) และ คุณพ่อเดอ บูรจส์ (De Bourges, สงฆ์คณะมิสซังต่างประเทศทั้ง 2 องค์ - ผู้แปล) จะกล่าวอะไรสำหรับเรื่องนี้เล่าใครๆ ก็เห็นว่าท่านมานั่งที่ด่านภาษีในดินแดนเหล่านี้ (มาทำธุรกิจการค้า) หรือจะดีกว่านั้น, มาอยู่กับสินค้าในโรงเก็บที่เปิดสำหรับทุกคน เพื่อสามารถดูแลความรอดของวิญญาณได้ง่ายและปลอดภัยขึ้น อย่างที่เขาว่ากันใช่ไหม? ท่านทั้งสองนี้ไม่กล้าใช่ไหมที่จะใช้ถ้อยคำที่ก้าวร้าวอย่างนั้นตัดสินผู้ไม่มีผิด และเจาะจงห้ามมิชชันนารีทุกคน โดยเฉพาะคณะเยซุอิต มิให้ทำธุรกิจการค้า แล้วพวกเขาเองอาจจะทำร้ายตัวเองและชื่อเสียงของเขาจะอยู่ในอันตรายมากกว่าชื่อเสียงของสมาชิกคณะเยซุอิต ซึ่งมีชื่อเสียงไม่เคยเสียหายเสมอมาในดินแดนแถบนี้ นับตั้งแต่พวกเยซุอิตเข้ามาอยู่ในดินแดนแถบนี้ (เข้ามาตั้งรกรากมาแล้ว 30 ปี หรือนานกว่านั้น) ยังไม่มีใครคนๆ ไหนเห็นว่าพวกเขาสลวนอยู่กับการแลกเปลี่ยน การชั่งเงินทอง อยู่ที่ด่านภาษี หรือติดธุระกับการจำหน่ายปลีก และจัดแจงสินค้าในคลังสินค้าเลย ใครอยากจะได้ชื่อว่าเป็นพ่อค้าต่อหน้าทุกคนก็จำเป็นต้องทำหน้าที่เช่นนี้ พวกเราไม่เคยกล้าทดลองอย่างนี้เลย แม้กระทั่งโดยใช้ข้ออ้างที่สุจริตสักเพียงใดก็ตาม เช่น (ข้ออ้าง) ว่าเพื่อขยายพระศาสนจักรในหมู่ผู้คนต่างชาติเหล่านั้นได้ง่ายขึ้น. จงเชื่อข้าพเจ้าเถิด พวกเขาไม่มีสติปัญญาทึบจนกระทั่งทำให้ตัวเองเชื่อแม้กระทั่งโดยหลอกตัวเองว่า การออกแรงแสวงกาทรัพย์สมบัติสำหรับตนนั้นมีความตั้งใจจริงที่จะเพิ่มพูนพระเกียรติมงคลของพระเป็นเจ้าแต่อย่างเดียวซ่อนอยู่ได้ ผู้ที่ทำเช่นนี้และบางครั้งพิสูจน์ว่าพวกเราทำการค้า ต้องกลัว (เสียมากกว่า) ว่าถ้อยคำของพระสมณสาสน์เหล่านั้นจะให้กับพวกเขาได้ดีกว่าใช้กับผู้ที่ถ้อยคำเหล่านี้ถูกบิดเบือนมาให้ “คนที่ไม่มีความเชื่อ เมื่อแลเห็นวิธีการกระทำของพวก... (ขอให้เราอย่าใช้คำที่พวกเขาให้ คือคำว่า “นักบวช” เลย คำที่พระสันตะปาปาอูร์บัน ที่ 8 ทรงใช้กับเขาอย่างเหมาะเจาะกว่า คือคำว่า “ของพวกมิชชันนารี”) ...มิชชันนารีก็ไม่สามารถถูกชักชวนให้เชื่อเป็นอย่างอื่นได้ว่า ยังมีสิ่งอื่นนอกจากทรัพย์สมบัติ หรืออย่างน้อยทรัพย์สมบัติและการเผยแพร่ความเชื่อ - ผู้ที่ประกาศพระวรสารแสวงหาด้วยความเอาใจใส่เท่าเทียมกัน” บรรดาคนต่างศาสนา เมื่อแลเห็นพวกมิชชันนารีใหม่ๆ (มิชชันนารีฝรั่งเศสคณะมิสซังต่างประเทศ - ผู้แปล) ในคลังสินค้าที่นี่จะมีความรู้สึกอะไรอื่นได้? “ดังนั้น - ดังนั้นจริงๆ บรรดาพระสงฆ์ของคนต่างศาสนาก็ยังดีกว่าพวกมิชชันนารี เพราะพวกนั้นมีความยากจนข้นแค้นและดูถูกทรัพย์สินทางโลกเหนือกว่าพวกมิชชันนารีมากนัก และ (พวกนั้น) คิดว่าคนที่ถวายตัวรับใช้พระเจ้าจะต้องปลีกตัวจากการค้าขายและธุรกิจฝ่ายโลกทุกอย่าง ไม่เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย นี่เป็นความเห็นของบรรดาพระสงฆ์ของคนต่างศาสนาที่มีต่อบรรดามิชชันนารีที่เป็นพ่อค้าและสลวนต่อสิ่งภายนอกเท่านั้น” ถ้อยคำเหล่านี้ ใครจะไม่เห็นว่าเข้าได้ตรงกับพวกมิชชันนารีใหม่ๆ (คณะมิสซังต่างประเทศ) มากกว่ากับคุณพ่อของคณะ (เยซุอิต)? ใครเล่าสามารถยกเอาการกระทำเช่นนี้มาโจมตีพวกเขา (นักบวชคณะเยซุอิต) ในแคว้นตังเกี๋ยได้ที่นั่น พวกเขาสนใจแต่เรื่องผลกำไรทางวิญญาณแต่อย่างเดียวจนไม่ได้คิดเสียด้วยถึงเรื่องราคาสินค้าเรื่องเรือที่จะมาถึง นอกจากบางครั้งเพื่อจะรับเงินเล็กน้อยที่เคยผู้ผู้นำมาให้จากมาเก๊าอย่างสม่ำเสมอ เพื่อใช้ดำรงชีพโดยไม่ต้องพะวงถึงเรื่องต่างๆ และไม่ต้องเป็นภาระเกินไปให้แก่คริสตังใหม่ ดังที่เป็นวิธีปฏิบัติของท่านอัครสาวกของนานาชาติ (นักบุญเปาโลอัครสาวก-แปล) ถึงกระนั้นอย่าให้ใครคิดว่า พวกเราประฌามเรื่องเหล่านี้ทั้งหมด เพราะว่าเราไม่ชอบทำและทำอย่างนี้ไม่ได้ ยิ่งกว่านั้นพวกเราได้แสวงหาเหตุผลจากทุกด้าน และสิ่งที่เราเห็นในบรรดาคู่อริ เราก็พยายามปกปิดอย่างเต็มที่ หรือพยายามหาผลดีที่อาจเกิดขึ้นมาแก้ตัวให้ ขอให้ฝ่ายคู่อริกระทำอย่างเดียวกับเราบ้าง ขอให้พวกเขากรุณาทำดีกับเราเช่นเดียวกัน ขอให้พวกเขาแสดงความรักกับเราเช่นเดียวกัน พวกเขาน่าจะเห็นชัดว่าพวกเรามิได้ทำตามอำเภอใจมราเลวทรามใดๆ เลย พวกเรามิได้ถูกความละโมภทรัพย์สินอันไม่รู้จักอิ่มครอบงำจิตใจไว้ และพยายามรวมทั้งกำลังทั้งหมดของเหรัญญิกที่มาเก๊ามิได้มุ่งไปยังเรื่องนี้แต่อย่างเดียว คือ เพื่อสะสมทรัพยฺ์สมบัติให้มากเอาไว้ ถ้าหากว่าท่าน (เหรัญญิก) มีอยู่ใกล้มือ มิใช่ทรัพยสินมากมายที่บรรดาผู้กล่าวหาคิดเอาเอง แต่ขอเพียงให้มี (ทรัพย์สิน) พอควรเพื่อสามารถช่วยเหลือบรรเทาความลำบากเฉพาะหน้าได้บ้าง พวกเราคงไม่ถูกบีบบังคับให้อยู่ในความแร้นแค้นอย่างที่เป็นอยู่เดี๋ยวนี้ รายได้เล็กน้อยของบรรดามิชชันนารีที่เราได้กล่าวถึงข้างบนนั้น ก็คงไม่ถูกตัดให้น้อยลงไปอีก (อย่างที่ได้เกิดขึ้น เมื่อ 10 หรือ 12 ปีมาแล้ว อาหารการกินคงไม่ถูกจำกัดอะไรสำหรับบรรดาคุณพ่อที่สำนักมาเก๊า ซึ่งก็ไม่มากกว่าที่ให้แก่สมาชิกซึ่งอยู่ในยุโรปอยู่แล้ว และเราคงไม่ต้องถูกบังคับให้แก่หิวด้วยขนมปังเล็กๆ เพียงก้อนเดียวแต่ละโต๊ะ เพื่อจะได้เอาข้าวเพิ่มให้นั้นไปช่วยเหลือให้คนยากจนจำนวนมากที่หิวโดยอย่างน่าสงสารที่อยู่ต่อหน้าต่อตา ถึงกระนั้นท่าน (เหรัญญิก) ก็ไม่สามารถช่วยเหลือในหายนะยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้ แม้ว่าเพื่อการนี้พวกเราได้จำนำถ้วยกาลิกส์ และจำหน่ายเครื่องเงินอื่นๆ ทุกอย่าง รูปปีเอต้าโปรตุเกศอันลือชื่อ ทุกสิ่งที่จำเป็นสำหรับศาสนพิธี เพราะเป็นที่อนุญาต (ให้ทำได้) โดยใช้ทรัพย์สินของคนร่ำรวยทุกอย่าง พยาน (ในเรื่องนี้) ได้แก่พระวิหารอันมีชื่อของสำนักเราที่มาเก๊า ซึ่งครั้งหนึ่ง พวกเขา (ได้สร้างขึ้น) ด้วยทุกทรัพย์ของตน ขณะที่ทุกสิ่งทุกอย่างไหลเทมาตามความปรารถนา ขณะที่การค้ากับจีนและญี่ปุ่นกำลังดำเนินไปอย่างรุ่งเรือง ข้าพเจ้าขอย้ำอีกว่า พระวิหารนี้เป็นพยานได้ พวกเขาได้ก่อสร้างขึ้นอย่างสง่างาม สร้างเสด็จก็ได้ตกแต่งอย่างปรานีต จนว่าอาจจัดไว้ได้กับพระวิหารมีชื่อต่างๆ ของยุโรป แต่ว่าจิตใจของใครบ้างจะไม่รู้สึกหดหู่โศกเศร้า เมื่อพวกเราเห็นมันค่อยๆ เสื่อมลง และน่ากลัวว่าในไม่ช้าจะพังลงมาทั้งหลัง เพราะไม่มีเงินสำหรับซ่อมแซมและป้องกันไว้จากพายุไต้ฝุ่น อันน่ากลัวของทะเลนั้นซึ่งค่อยๆ ทำให้มันอ่อนแอลง และนี่คืออาคารหลังหนึ่งของแขวงญี่ปุ่นที่อาจเรียกความสนใจและความอิจฉาของคู่อริของเราได้ เพราะอาคารอื่นของสำนักไม่มีอะไรพิเศษจากบ้านอื่นๆ ในเมืองมาเก๊า ที่นี้ลองมาสำรวจดูสำนักที่กรุงสยามดูบ้างจะดี สำนักนี้ประกอบด้วยวัดน้อยสร้างด้วยอิฐ และบ้านเล็กๆ มีเดดานโล่ง และสร้างด้วยฝีมือหยาบๆ ส่วนที่เกี่ยวกับกัมพูชา ตังกี๋ย โคชินจีน เราไม่เห็นอะไรที่นี่และทุกแห่ง นอกจากกระถ่อมสร้างด้วยกิ่งไม้และต้นกก ส่วนหนึ่งกับดิน อีกส่วนหนึ่งสานขัดกัน มีหลังคามุงด้วยใหไม้แห้ง เป็นสิ่งก่อสร้างชนิดที่ธรรมชาติมารดาส่วนรวมของทุกสิ่งดูเหมือนว่าแบ่งให้แก่สัตว์ป่าที่มีชีวิตสำหรับขจัดอันตรายนจากฟ้าดิน (คล้ายเป็นที่สัตว์อาศัยอยู่) นี่หรือคือ “บ้านโอ่อ่านั้น” เป็นราชวังงดงามและมี “ทรัพย์สินรวมไว้มากมายมหาศาล” แต่ถ้าพวกเขาแย้งว่าพวกเรามีวัดวาในประเทศจีน ที่เปรียบได้กับบรรดาอาคารอันสง่างามในยุโรป แน่นอนนี่ไม่ได้เกิดจากความยิ่งใหญ่ของอาคาร เท่ากับจากความสะอาดและงดงามตามธรรมชาติ ที่ดึงดูดสายตาของผู้ที่มาชมอยู่ไม่น้อย บรรดาวัดวาทั้งหมดนี้ ถ้าใครคิดว่าจากเงินที่พวกเราใช้ความพยายามสะสมไว้ละก็ เขาอาจจะต้องขายหน้าเมื่ออ่านคำจารึกบนหินอ่อนที่ผู้สร้างติดเอาไว้ที่หน้ามุขของอาคาร จากคำจารึกเหล่านี้ เขาจะเห็นแจ่มแจ้งทีเดียวว่าเป็นอนุสรณ์ถึงความศรัทธาของชาวจีนแต่อย่างเดียวอย่างแท้จริง ทำไมข้าพเจ้าจึงอ้างถึงคำจารึกเหล่านั้น ซึ่งความโกรธอย่างบ้าคลั่งของคู่อริ เพราะว่าความชั่วช้าที่มีชัยทำให้สิ่งที่เป็นเครื่องหมายชัดเจน ถึงความศรัทธาอันจริงใจต่อชาวสวรรค์นั้น กลายเป็นความผิดหนักอย่างมากต่อศักดิ์ศรีของมนุษย์ ประหนึ่งว่าคนที่ใช้ความศรัทธามากเกินไปเพื่อแสดงความเคารพนับถือต่อพระเป็นเจ้าแห่งสวรรค์นั้น กระทำผิดต่อมนุษย์ เสียแล้ว
ข้าพเจ้ามีเรื่องจะกล่าวเพียงเท่านั้น กับคุณพ่อเกี่ยวกับจดหมายถึงบรรดาคริสตชนฉบับนั้น (ของพระสังฆราช เดอ ลา ม็อตต์) ข้าพเจ้าขอร้องเพียงอย่างเดียวในสถานการณ์ปัจจุบัน คือขอให้เขายกโทษให้ผู้ตีความที่รบกวน (นี้) (ผู้เขียน คือ คุณพ่อ เลอ โฟร์ - แปล) ข้าพเจ้าใคร่ให้เขาเข้าใจด้วยว่าข้าพเจ้าไม่ได้รับสารฉบับนั้นด้วยความเต็มใจเลย เพราะข้าพเจ้าเห็นว่า (ข้าพเจ้า) ต้องมีความรู้สึกถึงดินแดนเหล่านี้ผิดกับเขาที่ข้าพเจ้าทั้งยอมรับว่าต้องแสดงความเคารพนับถือ และจะต้องแสดง (ความเคารพ) ต่อไปเช่นเดียวกับที่ได้แสดงมาแล้ว แต่ความรักที่พวกเรามีต่อคณะซึ่งเป็นมารดาที่ดีที่สุด ความเลื่อมใสที่ข้าพเจ้ามีต่อบรรดาคุณพ่อที่สุดรัก และในที่สุดความเอาใจใส่ที่จะป้องกันความจริง ก็ได้ขจัดความหวาดกลัวให้หมดไป ข้าพเจ้ายังเห็นอีกว่าจะไม่มีใคร ไม่ว่าที่นี่หรือในที่ห่างไกล ที่สารฉบับนี้จะไปถึง ที่จะอยากล้างมลทินอย่างหนักที่ถูกประทับเข้ากับชื่อของเรา นอกจากจะหาข้อพิสูจน์มาได้จากพยานที่เห็นด้วยตา เพื่อที่จะแสดงความบริสุทธิ์ของคณะ (เยซุอิต) ได้อย่างง่ายๆ นอกจากนั้น ถ้าพระสังฆราชแห่งเบริธท่านได้มีความเข้าใจเรื่องราวของเราเท่ากับที่มีน้ำใจ มุ่งทางดีถึงเพียงนั้นแล้ว บางทีความระแวงที่ไร้เหตุผลเกี่ยวกับพวกเราถึงเพียงนี้คงไม่เข้าครอบงำ (ท่าน) ซึ่งข้าพเจ้าไม่อยากปฎิเสธว่าท่านได้มีโอกาสที่จะขจัดมันออกไปเหมือนกัน (แต่ไม่ได้ทำ) แต่ทุกสิ่งเหล่านี้ดูเหมือนว่าเป็นสาเหตุ ให้เกิดความลำบากที่แอกหนักของจักรวรรดิจีน กำลังบีบคั้นเราอยู่ (ขณะนั้นคุณพ่อ เลอ โฟร์ กำลังถูกจำกัดบริเวณที่กวางตุ้ง - ผู้แปล) มากกกว่าเป็นเหตุให้น้ำใจของพวกเยซุอิตกับพระสังฆราชย่างใหญ่ ท่านั้น ถ้าสัตบุรุษผู้เฉลียวฉลาด (พระสังฆราช เดอ ลา ม็อตต์) ได้คิดถึงเรื่องเหล่านี้อย่างตั้งใจมากกว่านี้ เราคงไม่ได้มาถึงที่นี่หรอก ดังนั้น เรายังต้องหวังอะไรอีกได้ นอกจากให้พระเป็นเจ้า พระเจ้าแห่งสันติภาพและความสามัคคีพระองค์นั้นประทานสันติแลละความปรองดองให้แก่จิตใจของเรา ให้ทุกคนมีความคิดเดียวกัน ร่วมใจเป็นหนึ่งเดียวกัน มีเจตนาร่วมกันอย่างสมบูรณ์ เพื่อเราจะได้ร่วมแรงร่วมใจทำงานเพื่อพูนพระเกียรติของพระเป็นเจ้าเท่านั้นอย่างมีประสิทธิภาพ ในที่สุด คุณพ่อจะใช้คำตอบของข้าพเจ้าได้เท่าที่เห็นสมควร ข้าพเจ้าอยากส่ง มาให้คุณพ่อก็เพื่อการนี้ เพื่อว่า ถ้าคุณพ่อได้ยินไรเกี่ยวกับเรื่องนี้จากปากคนอื่น คุณพ่อสามารถนำยาขนานนี้มาใช้ป้องกันความบริทธิ์ของคณะไว้ให้ปลอดภัย และเนื่องจากคุณพ่อได้รับทราบเมื่อไม่นานมานี้ว่าสถานการณ์เรื่องราวของเราเป็นอย่างไร ข้าพเจ้าจะไม่กลัวถึงมันอีกให้เสียเวลา ข้าพเจ้าขอแสดงความเคารพนับถือต่อคุณพ่อและบรรดาคุณพ่อของเราทุกคน ข้าพเจ้าคือผู้รับใช้อันต่ำต้อยที่สุดของทุกคน โดยเฉพาะของท่าน
ยากอบ เลอ โฟร์ กวางตุ้ง ประเทศจีน วันที่ 22 พฤศจิกายน 1670