องค์ที่ 224 สมเด็จพระสันตะปาปาปีโอ ที่ 4 (Pope Pius IV ค.ศ. 1559-1565)

 

 
สมเด็จพระสันตะปาปาปีโอ ที่ 4
(Pope Pius IV ค.ศ. 1559-1565)
 
พระองค์เป็นพระสันตะปาปาที่สานต่อการประชุมดำเนินตามมติประชุมและปิดการประชุมสภาสังคายนาเตรนต์โดยตรงครั้งแรก เดิมชื่อ โจวันนี อันเจโล เมดิชี เกิดที่เมืองมิลาน ในปี ค.ศ. 1499 แม้จะมีนามสกุลเมดิชี แต่ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสกุลเมดิชีที่ทรงอิทธิพลในยุคนั้นแต่อย่างใด บิดาของท่านเป็นคนเก็บภาษีและส่วยเข้ารัฐ หลังจากที่ได้ศึกษาวิชาการแพทย์และกฎหมายที่โบโลญาและปาเวียแล้วก็ได้รับตำแหน่งเลขาในสันตะสำนักในปี ค.ศ. 1527 จากนั้นก็ค่อยๆ ไต่เต้าสู่ตำแหน่งพระอัครสังฆราชแห่งรากูซา และคงเป็นเพราะพี่ชายของท่านไปแต่งงานกับคนในตระกูลของพระสันตะปาปาด้วย สี่ปีต่อมาท่านได้รับตำแหน่งพระคาร์ดินัล และเป็นพระสังฆราชแห่งคัสซาโน ในปี ค.ศ. 1553 และพระสังฆราชแห่งฟอลีโญในปี ค.ศ. 1556 จากการสนับสนุนของพระเจ้าชาร์ล ที่ 5 ท่านได้ออกจากโรมในปี ค.ศ. 1558 เนื่องจากเกิดขัดแย้งกับพระสันตะปาปาเปาโลที่ 4 เรื่องเกี่ยวกับสเปน และคงจะทนระบบเผด็จการของพระสันตะปาปาไม่ได้ด้วย เมื่อพระสันตะปาปาเปาโล ที่ 4 สิ้นพระชนม์แล้ว คณะพระคาร์ดินัลไม่สามารถที่จะหาบุคคลที่เหมาะสมดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปาได้ เพราะเสียงก้ำกึ่งกันจนตกลงไม่ได้ ที่สุดในวันที่ 26 ธันวาคม จึงรอมชอมเลือกให้ท่านอันเจโล เมดิชี เป็นพระสันตะปาปาโดยใช้พระนามว่า พระสันตะปาปาปีโอ ที่ 4
 
จากลักษณะนิสัยที่เป็นคนง่ายๆ ชอบสนุก สามารถทำตนเป็นที่รักของชาวโรมในเวลาไม่นาน ผิดจากภาพลักษณ์เดิมที่เคร่งครัดเอาจริงเอาจังของพระสันตะปาปาองค์ก่อน พระองค์ชอบเดินออกกำลังกายไปตามถนนต่างๆ ในเมือง ทำให้คนที่เคยกับวิถีชีวิตเก่ารู้สึกขัดๆ เพราะไม่เคยชินกับที่พระสันตะปาปาเดินผ่านหน้าบ้านของตน ทักทายผู้คนแบบไม่มีศักดิ์ศรีที่น่าเกรงขาม นอกนั้นพระองค์ยังสั่งให้ตัดสินคดีที่ค้างมานานตั้งแต่ยุคก่อนอย่างยุติธรรม คดีดังกล่าวเกี่ยวข้องกับหลานของพระสันตะปาปาเปาโลที่ชื่อคาร์โร คาร์ดินัลคาราฟา และโจวันนี คาราฟา ซึ่งมีศักดิ์เป็นดยุคแห่งปาลิอาโน ทั้งสองเกี่ยวข้องในคดีฆาตกรรมหลายราย ชาวโรมเกลียดทั้งสองมาก แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เมื่อพระสันตะปาปาปีโอที่ 4 สั่งให้จัดการกับคดีนี้อย่างตรงไปตรงมา ชาวเมืองจึงชอบมากผลการตัดสิน ศาลสั่งให้ประหารทั้งสองในวันที่ 5 มีนาคม ค.ศ. 1561 พระสันตะปาปาปีโอ ที่ 4 รู้สึกไม่สบายใจเมื่อคนวิจารณ์พระองค์ว่าเอาแต่ญาติพี่น้อง และแต่งตั้งหลานชายของพระองค์เป็นพระคาร์ดินัล แต่ดีที่หลานชายคนนี้เป็นคนดี เป็นนักปฏิรูป และภายหลังได้เป็นนักบุญด้วยนั่นคือ นักบุญชาร์ล บอร์โรเมโอ (ค.ศ. 1583)
 
พระสันตะปาปาปีโอ ที่ 4 ได้กระชับความสัมพันธ์กับสเปนใหม่หลังจากที่ได้ห่างเหินกันไปนาน พระองค์ได้สั่งให้ปล่อยนักโทษที่ถูกคุมขังโดยพระสันตะปาปาองค์ก่อน หนึ่งในนักโทษนี้คือ พระคาร์ดินัลโมโรเน ซึ่งถูกจองจำที่ปราสาทซานอันเยโล นอกนั้นพระองค์ยังสั่งให้มีการปฏิรูประบบบริหารของสันตะสำนักใหม่ ในสมัยของพระองค์นี้เองสังคายนาเมืองเตรนต์ก็มาถึงวาระที่ประกาศปิดอย่างเป็นทางการได้ในวันที่ 4 ธันวาคม ค.ศ. 1563 และนับเป็นความสำเร็จของพระสันตะปาปาปีโอเองด้วย สังคายนานี้ได้รวบรวมหลักคำสอน  และประกาศออกเป็นกฤษฎีกาในเดือนมกราคมปีต่อมา อันนำมาซึ่งการปฏิรูปพระศาสนจักรสากลในเวลาต่อมา กฤษฎีกาที่สำคัญในสมัยของพระสันตะปาปาปีโอ ที่ 4 คือ คำประกาศความเชื่อของสังคายนาเตรนต์ที่ประกาศใช้ในปี ค.ศ. 1564 บังคับให้ผู้ที่อยู่ในฐานันดรสงฆ์ทุกคนต้องประกาศความเชื่ออย่างเปิดเผย และถือปฏิบัติมาจนถึงปี ค.ศ. 1967 ในปลายสมัยของพระสันตะปาปาปีโอ ที่ 4 นั้นชาวเมืองไม่ค่อยนิยมพระองค์นัก เนื่องจากทรงประกาศขึ้นภาษีในรัฐพระสันตะปาปา ทำให้มีคนพยายามลอบสังหารพระองค์ แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ พระองค์สิ้นพระชนม์ในวันที่ 9 ธันวาคม ค.ศ. 1565