-
Category: องค์ที่ 181-266
-
Published on Monday, 02 November 2015 09:06
-
Written by หอจดหมายเหตุ
-
Hits: 2687
สมเด็จพระสันตะปาปานักบุญปีโอ ที่ 10
(Pope St. Pius X ค.ศ. 1903-1914)
พระองค์เป็นพระสันตะปาปาที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนักบุญต่อจากพระสันตะปาปา ปีโอ ที่ 5 มีพระนามเดิมว่า ยูเซฟเป เมลคิออร์ ซาร์โต บิดาเป็นนายไปรษณีย์ มารดามีอาชีพช่างเย็บผ้า เกิดที่ริเซ ใกล้เมืองเวนิส เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน ค.ศ. 1835 รับการศึกษาขั้นต้นที่หมู่บ้านเอง จากนั้นก็เข้าบ้านเณรที่ปาดัว และได้รับศีลบวชในปี ค.ศ. 1858 ชีวิตสงฆ์ช่วงแรกของท่านนั้นทำหน้าที่ตามวัดทั่วไปในตอมโบโลและในซานซาโน ทำให้ท่านได้เสริมสร้างประสบการณ์สำหรับอนาคต ซึ่งทำให้พระองค์ได้ชื่อว่าเป็นพระสันตะปาปาที่มีประสบกาณณ์ทางการอภิบาลมากที่สุดพระองค์หนึ่ง หลังจากดูแลวัดแล้ว ท่านก็ได้ทำหน้าที่เป็นพ่อวิญญาณรักษ์และอธิการบ้านเณรที่เตรวิโซ ได้เป็นอุปสังฆราชแห่งสังฆมณฑลเตรวิโซ จากนั้นได้รับการอภิเษกให้เป็นพระสังฆราชแห่งมันโตวาในปี ค.ศ. 1884 เมื่อเป็นพระสังฆราชนั้น ท่านมีชื่อเสียงในบรรดาพระสังฆราชอิตาเลียนองค์อื่นๆ ในเรื่องการฟื้นฟูความเชื่อในสังฆมณฑลของท่าน และทางวาติกันก็ทราบเรื่องนี้ ดังนั้น จึงแต่งตั้งท่านให้เป็นพระคาร์ดินัลในปี ค.ศ. 1893 ในสมัยของพระสันตะปาปา เลโอ ที่ 13 จากนั้นก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระอัยกาแห่งเมืองเวนิส ซึ่งท่านได้ทำหน้าที่นี้เป็นเวลาถึง 10 ปี ในการประชุมเลือกตั้งพระสันตะปาปา หลังจากที่พระสันตะปาปาเลโอ ที่ 13 ได้สิ้นพระชนม์ไปแล้วนั้น พระคาร์ดินัลซาร์โตมิได้เด่นในสายตาของผู้ใดเลย แต่บังเอิญพระคาร์ดินัลรัมปอลลานั้นถูกคัดค้าน โดย พระเจ้าฟรานซ์โจเซฟ ที่ 1 คะแนนเสียงจึงตกไป คณะพระคาร์ดินัลต่างไม่พอใจการคัดค้านของจักรพรรดิ เลยมีการลงคะแนนกันใหม่ แต่แปลก คะแนนที่สนับสนุนพระคาร์ดินัลรัมปอลลา กลับค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ จนในที่สุดก็ตกมาเป็นของพระคาร์ดินัลซาร์โต ซึ่งตอนแรกท่านปฎิเสธที่จะรับ แต่ก็ทนการรบเร้าจากคณะพระคาร์ดินัลไม่ได้ ท่านซาร์โตจึงตกลงใจรับตำแหน่งในวันที่ 4 สิงหาคม ค.ศ. 1903 โดยใช้พระนามว่าพระสันตะปาปาปีโอ ที่ 10 และคติพจน์ของท่านคือ “ฟื้นฟูทุกสิ่งในพระคริสตเจ้า” และทันทีเข้ารับตำแหน่ง พระองค์ประกาศไม่ยอมให้ฆราวาสคนใดเข้ามาก้าวก่ายในการเลือกตั้งพระสันตะปาปาอีกต่อไป
พระองค์ได้ทำงานฟื้นฟูพระศาสจักรพร้อมกับเลขาธิการเพื่อนสนิทคือ พระคาร์ดินัลเมอรี่ เดลวัล เป็นต้นการจัดการกับปัญหาที่รัฐต่างๆ ในยุโรปหลายแห่งออกกฎหมายต่อต้านคาทอลิกและฐานานุกรม เป็นต้นที่โปรตุเกสและที่ฝรั่งเศส พระองค์ประณามลัทธิสมัยใหม่ภายในพระศาสนจักรอย่างแข็งกร้าว แนวความคิดที่เรียกร้องให้ตีความอำนาจของพระศาสนจักรตามแนวของปรัชญาร่วมสมัย และความคิดก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ พระองค์เรียกลัทธิ นี้ว่า เป็นผลการสังเคราะห์ของความคิดเฮเรติก พระองค์ได้ต่อต้านความคิดนี้ผ่านทางสมณสาสน์ที่ชื่อ Lamentabili (ค.ศ. 1907) Pascendi (ค.ศ. 1907) กฤษฎีกาที่ชื่อ Sacrorum Antistitum โดยกฤษฎีกานี้เองที่เรียกร้องให้พระสงฆ์ทุกองค์ควรปฎิบัติที่จะต่อต้านลัทธิสมัยใหม่นิยม นอกนั้นพระสันตะปาปา ปีโอ ยังประกาศปฏิรูประบบบริหาร คูเรีย ในปี ค.ศ. 1908 และเริ่มปรับปรุงกฎหมายพระศาสนจักรให้เป็นระบบ ซึ่งได้รับการตีพิมพ์ใน ปี ค.ศ. 1917 และประกาศใช้เป็นทางการ ในปี ค.ศ. 1918 ทรงฟื้นฟูดนตรีศาสนา ก่อตั้งองค์การคาทอลิกต่างๆ เพื่อสังคมและส่งเสริมให้มีการรับศีลมหาสนิททุกวัน จนได้สมญาว่าพระสันตะปาปา ผู้รับศีลมหาสนิทบ่อยๆ
เพราะแนวคิดสมัยใหม่มีแนวโน้มที่จะทำลายคุณค่าทางวัฒนธรรม พระสันตะปาปาปีโอ ที่ 10 จึงทรงยึดแนวนโยบายอนุรักษ์นิยม ในด้านการเมืองและศาสนา ในสมัยปกครองของพระองค์ ซึ่งครอบคลุมพระศาสนจักรต้นศตวรรษ ที่ 20
สมัยของพระองค์ได้รับผลกระทบโดยตรงกับสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่ก่อตัวที่ยุโรป แม้ว่าจะพยายามยับยั้งแต่ก็ไม่อาจจะทำได้ พระสันตะปาปา ปีโอ ที่ 10 สิ้นพระชมน์ ในวันที่ 20 สิงหาคม ค.ศ. 1914 หนึ่งวันหลังจากที่สงครามโลกครั้งที่ 1 เริ่ม โดยเยอรมันเป็นผู้รุกรานเพื่อนบ้านพระสันตะปาปา ปีโอ ที่ 10 ได้ชื่อว่าเป็นผู้ทำนายหลายอย่าง เช่นเรื่องสงครามและความร้ายแรงที่กระทบผู้คนและมีครั้งหนึ่งเมื่อพระองค์ได้รับเลือกใหม่ๆ มีคนเอาเตียงนอนมาถวาย พระองค์มองแล้วก็ถอนใจพร้อมกับกล่าวว่า สวยดี แต่เราจะตายบนเตียงนี้มากกว่า และก็จริงเพราะพระองค์ได้สิ้นพระชนม์บนเตียงนั้นเอง
พระสันตะปาปาปีโอ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นนักบุญ ในวันที่ 29 พฤษภาคม ค.ศ.1954 ในสมัยปกครองของพระสันตะปาปา ปีโอ ที่ 12