องค์ที่ 257 สมเด็จพระสันตะปาปานักบุญปีโอ ที่ 10 (Pope St.Pius X ค.ศ. 1903-1914)

 
สมเด็จพระสันตะปาปานักบุญปีโอ ที่ 10
 
 (Pope St. Pius  X  ค.ศ. 1903-1914)
 
พระองค์เป็นพระสันตะปาปาที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนักบุญต่อจากพระสันตะปาปา ปีโอ ที่ 5 มีพระนามเดิมว่า ยูเซฟเป เมลคิออร์ ซาร์โต บิดาเป็นนายไปรษณีย์ มารดามีอาชีพช่างเย็บผ้า เกิดที่ริเซ ใกล้เมืองเวนิส เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน ค.ศ. 1835  รับการศึกษาขั้นต้นที่หมู่บ้านเอง จากนั้นก็เข้าบ้านเณรที่ปาดัว และได้รับศีลบวชในปี ค.ศ. 1858  ชีวิตสงฆ์ช่วงแรกของท่านนั้นทำหน้าที่ตามวัดทั่วไปในตอมโบโลและในซานซาโน ทำให้ท่านได้เสริมสร้างประสบการณ์สำหรับอนาคต ซึ่งทำให้พระองค์ได้ชื่อว่าเป็นพระสันตะปาปาที่มีประสบกาณณ์ทางการอภิบาลมากที่สุดพระองค์หนึ่ง หลังจากดูแลวัดแล้ว ท่านก็ได้ทำหน้าที่เป็นพ่อวิญญาณรักษ์และอธิการบ้านเณรที่เตรวิโซ  ได้เป็นอุปสังฆราชแห่งสังฆมณฑลเตรวิโซ  จากนั้นได้รับการอภิเษกให้เป็นพระสังฆราชแห่งมันโตวาในปี ค.ศ. 1884  เมื่อเป็นพระสังฆราชนั้น  ท่านมีชื่อเสียงในบรรดาพระสังฆราชอิตาเลียนองค์อื่นๆ  ในเรื่องการฟื้นฟูความเชื่อในสังฆมณฑลของท่าน และทางวาติกันก็ทราบเรื่องนี้ ดังนั้น จึงแต่งตั้งท่านให้เป็นพระคาร์ดินัลในปี ค.ศ. 1893  ในสมัยของพระสันตะปาปา เลโอ ที่ 13  จากนั้นก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระอัยกาแห่งเมืองเวนิส  ซึ่งท่านได้ทำหน้าที่นี้เป็นเวลาถึง 10 ปี  ในการประชุมเลือกตั้งพระสันตะปาปา หลังจากที่พระสันตะปาปาเลโอ ที่ 13  ได้สิ้นพระชนม์ไปแล้วนั้น  พระคาร์ดินัลซาร์โตมิได้เด่นในสายตาของผู้ใดเลย  แต่บังเอิญพระคาร์ดินัลรัมปอลลานั้นถูกคัดค้าน โดย พระเจ้าฟรานซ์โจเซฟ ที่ 1 คะแนนเสียงจึงตกไป  คณะพระคาร์ดินัลต่างไม่พอใจการคัดค้านของจักรพรรดิ  เลยมีการลงคะแนนกันใหม่   แต่แปลก คะแนนที่สนับสนุนพระคาร์ดินัลรัมปอลลา กลับค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ  จนในที่สุดก็ตกมาเป็นของพระคาร์ดินัลซาร์โต ซึ่งตอนแรกท่านปฎิเสธที่จะรับ แต่ก็ทนการรบเร้าจากคณะพระคาร์ดินัลไม่ได้  ท่านซาร์โตจึงตกลงใจรับตำแหน่งในวันที่ 4 สิงหาคม ค.ศ. 1903  โดยใช้พระนามว่าพระสันตะปาปาปีโอ ที่ 10  และคติพจน์ของท่านคือ  “ฟื้นฟูทุกสิ่งในพระคริสตเจ้า”  และทันทีเข้ารับตำแหน่ง พระองค์ประกาศไม่ยอมให้ฆราวาสคนใดเข้ามาก้าวก่ายในการเลือกตั้งพระสันตะปาปาอีกต่อไป  
 
พระองค์ได้ทำงานฟื้นฟูพระศาสจักรพร้อมกับเลขาธิการเพื่อนสนิทคือ พระคาร์ดินัลเมอรี่ เดลวัล  เป็นต้นการจัดการกับปัญหาที่รัฐต่างๆ ในยุโรปหลายแห่งออกกฎหมายต่อต้านคาทอลิกและฐานานุกรม เป็นต้นที่โปรตุเกสและที่ฝรั่งเศส พระองค์ประณามลัทธิสมัยใหม่ภายในพระศาสนจักรอย่างแข็งกร้าว  แนวความคิดที่เรียกร้องให้ตีความอำนาจของพระศาสนจักรตามแนวของปรัชญาร่วมสมัย และความคิดก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์  พระองค์เรียกลัทธิ นี้ว่า เป็นผลการสังเคราะห์ของความคิดเฮเรติก พระองค์ได้ต่อต้านความคิดนี้ผ่านทางสมณสาสน์ที่ชื่อ Lamentabili (ค.ศ. 1907)  Pascendi (ค.ศ. 1907) กฤษฎีกาที่ชื่อ Sacrorum  Antistitum  โดยกฤษฎีกานี้เองที่เรียกร้องให้พระสงฆ์ทุกองค์ควรปฎิบัติที่จะต่อต้านลัทธิสมัยใหม่นิยม นอกนั้นพระสันตะปาปา ปีโอ ยังประกาศปฏิรูประบบบริหาร คูเรีย ในปี ค.ศ. 1908  และเริ่มปรับปรุงกฎหมายพระศาสนจักรให้เป็นระบบ ซึ่งได้รับการตีพิมพ์ใน ปี ค.ศ. 1917  และประกาศใช้เป็นทางการ ในปี ค.ศ. 1918 ทรงฟื้นฟูดนตรีศาสนา ก่อตั้งองค์การคาทอลิกต่างๆ เพื่อสังคมและส่งเสริมให้มีการรับศีลมหาสนิททุกวัน จนได้สมญาว่าพระสันตะปาปา ผู้รับศีลมหาสนิทบ่อยๆ
 
เพราะแนวคิดสมัยใหม่มีแนวโน้มที่จะทำลายคุณค่าทางวัฒนธรรม พระสันตะปาปาปีโอ ที่ 10 จึงทรงยึดแนวนโยบายอนุรักษ์นิยม ในด้านการเมืองและศาสนา ในสมัยปกครองของพระองค์  ซึ่งครอบคลุมพระศาสนจักรต้นศตวรรษ ที่ 20
 
สมัยของพระองค์ได้รับผลกระทบโดยตรงกับสงครามโลกครั้งที่ 1  ที่ก่อตัวที่ยุโรป แม้ว่าจะพยายามยับยั้งแต่ก็ไม่อาจจะทำได้ พระสันตะปาปา ปีโอ ที่ 10  สิ้นพระชมน์ ในวันที่ 20 สิงหาคม ค.ศ. 1914  หนึ่งวันหลังจากที่สงครามโลกครั้งที่ 1 เริ่ม  โดยเยอรมันเป็นผู้รุกรานเพื่อนบ้านพระสันตะปาปา ปีโอ ที่ 10  ได้ชื่อว่าเป็นผู้ทำนายหลายอย่าง เช่นเรื่องสงครามและความร้ายแรงที่กระทบผู้คนและมีครั้งหนึ่งเมื่อพระองค์ได้รับเลือกใหม่ๆ มีคนเอาเตียงนอนมาถวาย พระองค์มองแล้วก็ถอนใจพร้อมกับกล่าวว่า สวยดี แต่เราจะตายบนเตียงนี้มากกว่า และก็จริงเพราะพระองค์ได้สิ้นพระชนม์บนเตียงนั้นเอง
 
พระสันตะปาปาปีโอ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นนักบุญ ในวันที่ 29 พฤษภาคม ค.ศ.1954 ในสมัยปกครองของพระสันตะปาปา ปีโอ ที่ 12