-
Category: องค์ที่ 181-266
-
Published on Monday, 02 November 2015 09:06
-
Written by หอจดหมายเหตุ
-
Hits: 2270
สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิก ที่ 15
(Pope Benedict XV ค.ศ. 1914-1922)
พระองค์มีพระนามเดิมว่า จาโคโม เดลลา กีเอซา เกิดที่เมืองเจนัว ในปี ค.ศ. 1854 ท่านแสดงความปรารถนาที่จะเป็นพระสงฆ์ตั้งแต่ในวัยเยาว์แล้ว แต่บิดาห้าม และสนับสนุนให้ศึกษากฎหมายให้จบก่อนคิดเรื่องบวช ท่านได้ศึกษาและได้รับปริญญาเอกทางด้านกฎหมายที่มหา วิทยาลัยเมืองเจนัว ในปี ค.ศ. 1875
จากนั้นก็ได้เข้าบ้านเณรคาปรินิกา ในโรม และได้รับศีลบวชในวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 1878 ที่มหาวิทยาลัยเตรัน ในปี ค.ศ. 1879 ท่านได้รับปริญญาเอกทางเทววิทยา และในปี ค.ศ. 1880 ได้รับปริญญาเอกทางกฎหมายพระศาสนจักร เป็นสมาชิกของนักวิชาการของพระศาสนจักร และได้รับการฝึกเพื่อเป็นนักการทูตของวาติกันในปี ค.ศ. 1882 ท่านได้เป็นเลขานุการของท่านรัมปอลลา ซึ่งจะเป็นคาร์ดินัลในเวลาต่อมาและเจ้ากระทรวงใหญ่ในวาติกัน เมื่อพระคาร์ดินัลรัมปอลลาเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ท่านกีเอซาเองก็ได้รับตำแหน่งสูงตามขึ้นไปเช่นกัน ในปี ค.ศ. 1907 พระสันตะปาปา ปีโอ ที่ 10 ได้แต่งตั้งท่านเป็นพระสังฆราชโบโลญา จากนั้นก็ได้เป็นพระคาร์ดินัลในปี ค.ศ. 1914 สามเดือนก่อนที่จะได้รับเลือกให้เป็นพระสันตะปาปาสืบต่อจากพระสันตะปาปา ปีโอ ที่ 10 การเลือกท่านกีเอซานี้ไม่ค่อยมีใครคาดคิดเท่าไร แต่สถานการณ์ของสงครามในขณะนั้น ทำให้พระคาร์ดินัลมองหาผู้ที่มีความสันทัดทางการทูตมาเป็นผู้นำพระศาสนจักร ฝ่าคลื่นทางการเมืองและสงครามนี้ไป ท่านกีเอซา ยอมรับตำแหน่งในวันที่ 3 กันยายน ค.ศ. 1914 และใช้พระนามว่า พระสันตะปาปา เบเนดิก ที่ 15
พระสันตะปาปาเบเนดิกที่ 15 ต้องเผชิญกับปัญหาใหญ่หลวงระดับโลก ประเทศคาทอลิกด้วยกันต่างเริ่มต่อสู่ทั้งรุกรานและป้องกันตัวเอง พระองค์ในฐานะผู้นำพระศาสนจักรจึงต้องรับ ภาระหนักอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทรงแสดงจุดยืนเป็นกลาง ไม่เข้าข้างฝ่ายใด และพร้อมสั่งให้คริสตชนเตรียมพร้อมช่วยเหลือผู้ที่บาดเจ็บ อีกด้านหนึ่งพระองค์ก็พยายามขอร้องให้ทุกฝ่ายรอมชอมกันและหันหน้าเข้ามาเจรจากัน แทนที่จะต่อสู้ แต่ก็ไม่เป็นผล ในปี ค.ศ. 1917 ดูเหมือนจะมีแสงรำไรของสันติเกิดขึ้น เมื่อพระองค์เสนอให้มีการหยุดยิง และหันมาเจรจากันตามแผนสันติภาพ 7 ประการ ฝ่ายเยอรมันปฏิเสธแผนนี้ แต่ฝ่ายสัมพันธมิตรโดยการนำของประธานาธิบดีวิลสัน ดูเหมือนจะเห็นด้วย อย่างไรก็ตามที่สุด ฝ่ายสหรัฐก็ได้เข้าร่วมทำสงครามด้วยในเวลาต่อมา และเมื่อสงครามสงบแล้วเราจะเห็นว่าข้อเสนอทั้ง 7 ประการของพระสันตะปาปาเบเนดิกนั้น รวมอยู่ในข้อเรียกร้อง 14 ข้อของประธานาธิบดีวิลสันด้วย
แต่เนื่องจากวาติกันนั้นได้ประกาศตัวเป็นกลาง ฝ่ายพันธมิตรจึงตัดสิทธิ์ของการเข้าร่วมเจรจาสันติที่พระราชวังแวร์ซายส์ พระสันตะปาปาเบเนดิก ที่ 15 ได้เรียกร้องให้สนใจผู้ป่วยและเด็กๆ ที่ต้องเผชิญกับผลของสงคราม หลายแสนคนต้องอดอยากไร้ที่อยู่อาศัย ฝ่ายพระศาสนจักรเองได้เร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัยเหล่านี้ในที่ต่างๆ ทั่วโลก ผ่านทางวัดและองค์กรต่างๆ ของพระศาสนจักร ในสมัยของพระสันตะปาปาเบเนดิก ที่ 15 นี้เอง ที่กฎหมายพระศาสนจักรฉบับปรับปรุงใหม่ เริ่มในสมัยพระสันตะปาปานักบุญปีโอ ที่ 10 ได้ออกประกาศใช้ในปี ค.ศ. 1918 พระองค์ได้ออกสมณสาสน์ถึง 17 ฉบับ เปิดสัมพันธ์กับประเทศฝรั่งเศส ส่วนประเทศอังกฤษ ก็ได้ติดต่ออย่างเป็นทางการ หลังจากห่างเหินมาร่วม 300 ปี บทบาทของผู้เรียกร้องและสร้างสันติภาพของพระสันตะปาปาเบเนดิกนั้นเป็นที่ยอมรับกันทั่วไป แม้ในหมู่ชาวมุสลิมที่อัสตัน บูลเองด้วย รูปปั้นของพระองค์ได้ตั้งขึ้นที่นั่น เพื่อเป็นเกียรติแด่พระองค์ที่ได้พยายามนำสันติมาสู่โลก
พระสันตะปาปา เบเนดิก ที่ 15 สิ้นพระชนม์ในวันที่ 22 มกราคม ค.ศ. 1922