พระสังฆราช ยอห์น บอสโก มนัส จวบสมัย

 
 
สมเด็จพระสันตะปาปายอห์น  ปอลที่ 2 ทรงประกาศแต่งตั้ง คุณพ่อมนัส จวบสมัย อธิการบ้านเณรแสงธรรม เป็นพระสังฆราชองค์ใหม่ของสังฆมณฑลราชบุรี สืบต่อจาก พระสังฆราชเอก ทับปิง ซึ่งได้ถึงแก่มรณภาพ  เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ.1985
 
พระสมณทูต เรนาโต อาร์ มาร์ติโน ได้ประกาศข่าวการแต่งตั้งพระสังฆราชใหม่ต่อหน้าบรรดาสัตบุรุษที่ได้ไปร่วมฉลอง 275 ปีของวัดแม่พระปฏิสนธินิรมลจันทบุรี เมื่อวันเสาร์ที่ 7 ธันวาคม ค.ศ.1985 สร้างความตื่นตะลึงและปลื้มปีติกับผู้ได้ยินข่าวนี้อย่างปรีดาปราโมทย์ 
 
พระสมณทูตกล่าวว่า “บัดนี้ประเทศไทยมีพระสังฆราชครบทั้ง 10 สังฆมณฑลอีกครั้งหนึ่งแล้วเพราะสมเด็จพระสันตะปาปาได้ทรงแต่งตั้งพระสังฆราชใหม่แห่งสังฆมณฑลราชบุรีแล้ว คือ คุณพ่อยอห์น บอสโก มนัส จวบสมัย และพระองค์จะบวชคุณพ่อเป็นพระสังฆราชในวันที่ 6 มกราคม ค.ศ.1986 ที่พระมหาวิหารนักบุญเปโตร ในกรุงโรม” 
 
สิ้นคำประกาศ  บรรดาพระสังฆราช  พระสงฆ์ นักบวช  และสัตบุรุษหลายพันคนต่างพร้อมใจแสดงความยินดีอย่างกึกก้อง คุณพ่อมนัส จวบสมัย ซึ่งได้เดินทางไปร่วมฉลองวัดจันทบุรีด้วย ได้กล่าวแสดงความรู้สึกเป็นครั้งแรกว่า “ถ้าจะมีใครสัมภาษณ์ตอนนี้ว่ารู้สึกอย่างไร ก็ต้องตอบว่า หัวใจมันเต้นแรง เพราะระเบิดมันแรง เพราะพวกเราได้รอคอยมาเป็นเวลานาน ขอขอบพระคุณพระเป็นเจ้าที่ประทานกางเขนให้แบก การแต่งตั้งครั้งนี้เป็นทั้งเกียรติและกางเขน แต่เป็นกางเขนเสียมากกว่า” 
 
คุณพ่อมนัสกล่าวต่อไปว่าพระสมณทูตได้แจ้งให้ทราบเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม เป็นเหตุการณ์คล้ายกับในพระวรสาร (วันนี้) ที่เทวดาได้แจ้งสารแก่แม่พระ พระสมณทูตเร่งเร้าจะเอาคำตอบให้ได้  จึงได้ขอเวลาสวด และที่สุดน้อมรับน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้า คุณพ่อมนัสกล่าวเสริมว่า “รู้สึกยินดีที่จะได้รับใช้พระศาสนจักรสูงขึ้นอีกขั้นหนึ่ง และขอคำภาวนาของพี่น้องทุกคนเพื่อที่จะได้ทำหน้าที่รับใช้พระศาสนจักรไปตลอดชีวิต”
 
พระสังฆราชยอห์น บอสโก มนัส จวบสมัย เกิดเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ค.ศ. 1935 ณ ตำบลบางนกแขวก จังหวัดสมุทรสงคราม มีพี่น้องด้วยกัน 10 คน เป็นบุตรคนที่ 5 ของ นายวิจิตร และ นางกิมลั้ง จวบสมัย เมื่อเล็กๆ ชื่อใช่สุน ต่อมาเมื่อเข้าโรงเรียนเปลี่ยนเป็นไทยชื่อ มนัส  ซึ่งแปลว่า สติปัญญา (Intellect) 
 
 
คงจะมีแววฉลาดตั้งแต่เล็กๆ ก็เป็นได้ บิดาเสียชีวิตเมื่อปี ค.ศ.1975  ส่วนมารดายังแข็งแรงดีพอสมควร ยังสามารถไปวัดร่วมมิสซาทุกเช้า เด็กชายมนัสเข้าเรียนครั้งแรกที่โรงเรียนวัดเจริญสุขารามประตูน้ำบางนกแขวก 2 ปีต่อมาย้ายมาเรียนที่โรงเรียนดรุณานุเคราะห์ และเรียนอยู่ที่นี่นับตั้งแต่ชั้นประถมปีที่ 2 จนจบชั้นมัธยมปีที่ 6 ผลการเรียนอยู่ในอันดับ 1 หรือ 2 เสมอ
 
เมื่อเป็นเด็กชอบเล่นที่วัดช่วยพิธีมิสซา อวยพร ชอบร้องเพลงวัด (เพลงเกรโกเรียน) หลังจากที่โรงเรียนดรุณานุเคราะห์สร้างอาคารเรียนใหม่เสร็จแล้ว พวกเณรข้ามมาเรียนที่โรงเรียนเหมือนเดิม ปีนั้นมีเด็กจากวัดต่างๆ เข้าบ้านเณรกันมากหลังจากที่ซบเซากันไปสองสามปี  เด็กชายมนัสอายุ 14 ปี เรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ก็สมัครเข้าบ้านเณรพร้อมกับเพื่อนๆ วัดเดียวกัน 3 คน ปีนั้นมีเพื่อนร่วม รุ่นทั้งหมด 14 คน เพื่อนร่วมชั้น 4 คน แต่เมื่อเรียนไปๆ ค่อยๆ หายหน้ากันไปทีละคนสองคนจนหมด เหลือแต่เณรมนัสคนเดียว เมื่อเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 แล้ว ก็ได้รับเสื้อหล่อเป็นครูเณรดูแลเณร 1 ปี 
 
หลังจากนั้นผู้ใหญ่ส่งครูเณรประเสริฐ  นพคุณ และ ครูเณรมนัส จวบสมัย ไปศึกษาเทววิทยาและปรัชญาตามลำดับที่บ้านเณรพระหฤทัย ปูนามัลลี มัทราส อินเดีย เณรมนัสต้องเรียนอยู่ที่อินเดียรวดเดียว 7 ปีติดต่อกันด้วยความศรัทธาแกร่งกล้าอยากเป็นพระสงฆ์ทำให้ไม่กลัวความยากลำบากใดๆ ทั้งสิ้น มุมานะศึกษาเล่าเรียนด้วยความขยันขันแข็งอากาศร้อนและอาหารที่ซ้ำๆ กัน  แกงกะหรี่ โรตี กระเจี๊ยบ ฟักทอง กล้วยน้ำว้า และน้ำส้ม มะขาม  ทุกเย็นวันศุกร์ ไม่เป็นอุปสรรคทำให้เณรมนัสต้องยอมจำนนม้วนเสื่อกลับบ้าน เมื่อเรียนจบหลักสูตรปรัชญาและเทววิทยา 7 ปี แล้วก็เดินทางกลับสู่ประเทศไทยอย่างผู้มีชัย แม้จะซูบผอม หัวโตแก้มตอบไปบ้างก็ตามที วันก่อนฉลองพระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นสวรรค์ วันที่ 10 พฤษภาคม ค.ศ. 1961 สังฆานุกรมมนัส  จวบสมัย ก็ได้รับศีลบวช เป็นพระสงฆ์ในวัดน้อยบ้านเณรเล็ก ราชบุรี 
 
 
สมัยนั้นการบวชพระสงฆ์ไม่มีการจัดเป็น งานมโหฬารเหมือนสมัยนี้ รุ่งขึ้นฉลองพระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นสวรรค์  คุณพ่อใหม่ถวายมิสซาแรก ณ อาสนวิหารแม่พระบังเกิด บางนกแขวก วัดบ้านเกิดเมืองนอน
 
สนามงานแรกในชีวิตสงฆ์ของคุณพ่อคือ วัดราชบุรี 2 ปีแรก คุณพ่อทำหน้าที่เป็นผู้ช่วย คุณพ่อซาโบ เจ้าอาวาสและช่วยสอนเรียนทางบ้านเณร ต่อมารับหน้าที่เป็นพ่อศึกษาดูแลระเบียบวินัยของบ้านเณร โดยเฉพาะ 1 ปี  ถัดจากนั้นล่องใต้ไปเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดแม่พระฟาติมา ห้วยยาง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์  นาน 2 ปี  ได้มีโอกาสฝึกงานอภิบาลสัตบุรุษและได้เรียนรู้ชีวิตสงฆ์ที่ศักดิ์ สิทธิ์ จากคุณพ่อเกรสปี  เจ้าอาวาสวัดที่สามที่คุณพ่อประจำนานที่สุด นานถึง 9 ปี คือวัดแม่พระมหาทุกข์ ท่าม่วง กาญจนบุรี  ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส 5 ปี และเป็นเจ้าอาวาส 4 ปี  คุณพ่อได้เสียสละวิ่งเต้นเพื่อสร้างโบสถ์หลังใหม่ ให้สมกับวิหารของพระเจ้าและเป็นเกียรติศักดิ์ศรีแก่พี่น้องสัตบุรุษวัดท่าม่วง 
 
 
ในปี ค.ศ.1973  พระสังฆราชรัตน์ ได้ส่งคุณพ่อสุเมธและคุณพ่อมนัสไปศึกษาวิชาหลักพัฒนาสังคม ณ สถาบันระบบสังคม (I.S.O.) ที่มะนิลา และศึกษาหลักการส่งเสริมชีวิตครอบครัว ณ ศูนย์ส่งเสริมชีวิตครอบครัวเดล มอนเต ฟิลิปปินส์ คุณพ่อทำงานเผยแพร่และส่งเสริมชีวิตครอบครัว รวมทั้งการวางแผนครอบครัวตามธรรมชาติ อยู่ 2 ปีในปี ค.ศ.1974 คุณพ่อย้ายไปเป็นอธิการโรงเรียนดรุณาราชบุรี  และเป็นเจ้าอาวาสวัดราชบุรี ควบ 2 ตำแหน่ง ช่วยงานวัดและงานโรงเรียนให้เจริญก้าวหน้า มีเอกภาพมากขึ้น  ต่อมาในปี ค.ศ.1975 พระสังฆราชรัตน์  บำรุงตระกูล ย้ายไปปกครองสังฆมณฑลเชียงใหม่ พระสังฆราชเอก ทับปิง เข้ารับหน้าที่แทน ท่านตัดสินใจส่งคุณพ่อมนัสไปศึกษาทำปริญญาโททางปรัชญาที่มหาวิทยาลัยคาทอลิก สหรัฐอเมริกา  เป็นเวลานาน 2 ปี  เพื่อจะได้กลับมาสอนปรัชญาแทนท่านต่อไป คุณพ่อศึกษาสำเร็จแล้วก็เดินทางกลับทันที ในปี  ค.ศ.1978 และเข้ารับหน้าที่เป็นอาจารย์สอนวิชาปรัชญา  เป็นคณบดีคณะมนุษยศาสตร์สาขาวิชาปรัชญา วิทยาลัยแสงธรรม  และเป็นรองอธิการฝ่ายบ้านเณรใหญ่อีกด้วย 
 
หลังจากสอนเรียนได้ 6 ปีเต็มคุณพ่อได้มีโอกาสไปศึกษาต่อเพิ่มเติมเพื่อติดตามแนวคิดใหม่ๆ ทางด้านปรัชญาและเทววิทยาบ้าง ณ  มหาวิทยาลัยคาทอลิกลูแวง  เบลเยี่ยม เป็นเวลา 1 ปีเมื่อกลับจากต่างประเทศ  ก็เข้ารับหน้าที่เป็นอธิการบ้านเณรใหญ่แสงธรรมนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ค.ศ.1985 เป็นต้นมา  จนกระทั่งวันที่ 7 ธันวาคม ค.ศ.1985 พระสมณทูต เรนาโต อาร์. มาร์ตีโน ได้ประกาศเป็นทางการในโอกาสสมโภช 275 ปีวัดคาทอลิก  จันทบุรี ว่า สมเด็จพระสันตะปาปา ยอห์น ปอล ที่ 2 ทรงแต่งตั้งคุณพ่อมนัส  จวบสมัย เป็นพระสังฆราชแห่งสังฆมณฑลราชบุรี สืบต่อจาก พระสังฆราชเอก ทับปิง ซึ่งได้มรณภาพด้วยโรคมะเร็งในตับอ่อน  เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1985 
 
นอกจากงานประจำในบ้านเณรและวิทยาลัยแสงธรรมแล้ว คุณพ่อยังมีตำแหน่งหน้าที่ภายนอกอื่นๆ อีกหลายอย่าง อาทิ เช่น เป็นประธานกรรมการบริหารศาสนสัมพันธ์ ปี ค.ศ.1982-1985  เป็นที่ปรึกษาสำนักเลขาธิการที่กรุงโรม 2 แห่ง คือ สำนักเลขาธิการ ฝ่ายผู้ไม่มีความเชื่อ และสำนักเลขาธิการ ฝ่ายผู้ที่มิใช่ คริสตชน เพื่อส่งเสริมงานด้านศาสนสัมพันธ์ โดยเฉพาะปูพื้นฐานความรู้ด้าน ศาสนาคริสต์สำหรับฝ่ายคาทอลิก คุณพ่อได้สละเวลาเรียบเรียงหนังสือที่มีประโยชน์มาก 2 เล่ม คือ สารานุกรมคาทอลิก และ 50 บทความเทววิทยาใหม่
 
นอกจากนี้ คุณพ่อยังสนใจเรื่องการฝึกจิตแบบ T.M. (Transcendental Meditation) สมาธิวิปัสสนาแบบพุทธและแบบคริสต์โดยเฉพาะแบบสาธนาของ คุณพ่อแอนโทนี  เด เมลโล  เอส. เจ. คุณพ่อบอกว่า 
 
การฝึกจิตให้เป็นสมาธิช่วยชีวิตภาวนาและชีวิตฝ่ายจิตหรือชีวิตภายในได้มากทีเดียว  ยิ่งกว่านั้นยังมีผลพลอยได้ทางสุขภาพกายอีกด้วย คุณพ่ออายุ 50 ปีแล้ว แต่ก็ยังมีสุขภาพแข็งแรง พลานามัยสมบูรณ์ คุณพ่อปวารณาตัวว่า  ยินดีอุทิศความหนุ่มที่ยังเหลืออยู่นี้เพื่อรับใช้พี่น้องในพระศาสนจักร นอกพระศาสนจักรโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังฆมณฑลราชบุรี ตามพระฉบับแบบของพระคริสตเจ้า โดยมี  “ความรักของพระคริสต์” (Caritas Christi) เป็นแรงบันดาลใจและพลังใจให้ชนะทุกสิ่งเพื่อพระสิริมงคลของพระเจ้า และ พระราชัยของพระองค์
 
พระสังฆราช ยอห์น บอสโก มนัส จวบสมัย มรณภาพวันที่ 20 ตุลาคม ค.ศ. 2011 ที่โรงพยาบาลซานคามิลโล บ้านโป่ง จ.ราชบุรี 
 
นำพระสังฆราชมนัสฯกลับสู่สังฆมณฑลฯ -ภาวนาที่วัด น. ยอห์นบอสโก
 
 
เช้าวันศุกร์ที่ 21 ตุลาคม 2011 พระคุณเจ้าปัญญา กฤษเจริญ ได้เดินทางไปยังวัดน้อยของโรงพยาบาลซานคามิลโล บ้านโป่ง จ. ราชบุรีมีพิธีกรรมภาวนา ซึ่งมีบรรดาคุณพ่อ ซิสเตอร์ นักบวช บรรดาเด็กๆ มาร่วม ทำให้บรรยากาศการนำร่างของพระสังฆราชยอห์นบอสโกมนัส จวบสมัย กลับมายังศูนย์สังฆมณฑลราชบุรีนั้นเต็มไปด้วยความอบอุ่น โดยเวลาประมาณ 10.30 น. ขบวนรถจากโรงพยาบาลซานคามิลโลก็ได้มาถึงโรงเรียนดรุณาราชบุรี 
 
ตลอดเส้นทางตั้งแต่หน้าประตูโรงเรียนจนถึงวัดนักบุญยอห์นบอสโกราชบุรีมีบรรดาคณะครู นักเรียน ตั้งแถวต้อนรับพระคุณเจ้ามนัสฯ กลับสู่บ้าน 
 
เมื่อเข้าสู่ภายในวัดแล้วบรรดาคุณพ่อ ซิสเตอร์ สามเณร ผู้ฝึกหัด ญาติพี่น้องและสัตบุรุษ ที่มารอต้อนรับพระคุณเจ้ามนัสฯ ก็ได้ร่วมกันภาวนา
 
เวลา 19.30 น. คุณพ่อประดิษฐ์ ว่องวารี อุปสังฆราช  เป็นประธานในพิธีภาวนาอุทิศ และพิธีบูชาขอบพระคุณ ร่วมกับบรรดาพระสงฆ์ นักบวช สัตบุรุษ ที่มาร่วมใจกันภาวนา หลังพิธีแล้วพระคุณเจ้ายอห์นบอสโก ปัญญา กฤษเจริญ ได้กล่าวไว้อาลัยและขอบคุณทุกๆ ท่านที่ได้มีส่วนในการดูแลพระคุณเจ้ามนัสฯจนถึงวาระสุดท้าย 
 
พระคาร์ดินัลและพระสังฆราชฯเดินทางมาเคารพศพ-พิธีภาวนาคืนสุดท้าย
 
 
บ่ายวันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคม 2011 พระคาร์ดินัลไมเกิ้ล มีชัย  กิจบุญชู ได้เดินทางมาพร้อมกับพระสังฆราชยอแซฟสังวาลย์ ศุระศรางค์ เพื่อเคารพศพและร่วมแสดงความเสียใจกับสังฆมณฑลราชบุรีในการจากไปของพระคุณเจ้ายอห์นบอสโก มนัส จวบสมัย นอกจากนี้ยังมีพระสั งฆราชซิลวีโอสิริพงษ์ จรัสศรี พระสังฆราชยอแซฟลือชัย ธาตุวิสัย ซึ่งตั้งใจเดินทางมาร่วมในพิธีปลงศพ เมื่อเดินทางมาถึง ก็ได้แวะเคารพศพแ ละภาวนาแด่พระคุณเจ้ามนัสฯ ก่อนที่ในภาคค่ำ พระคุณเจ้าสิริพงษ์ฯ จะเป็นประธานในพิธีบูชาขอบพระคุณในคืนสุดท้าย
 
ร่วมกับพระสังฆราชลือชัยฯ และพระสังฆราชปัญญาฯ พร้อมด้วยบรรดาพระสงฆ์ นักบวช สัตบุรุษที่มาร่วมภาวนาในค่ำคืนสุดท้ายเป็นจำนวนมาก
 
หลังพิธีแล้วคุณพ่อสิทธิพล พานิชอุดม หัวหน้าเขตเหนือสังฆมณฑลราชบุรี ได้เป็นตัวแทนกล่าวขอบคุณบรรดาผู้มาร่วมงาน
 
พิธีภาวนาในค่ำคืนนี้ชมรมสภาภิบาลวัดสังฆมณฑลราชบุรี เป็นเจ้าภาพร่วมกับโรงเรียนดรุณาราชบุรีและคูร์ซิลโล
 
 
พิธีอำลาพระสังฆราชมนัสฯ -เคลื่อนศพไปยังอาสนวิหารแม่พระบังเกิด
 
 
บ่ายวันจันทร์ที่ 24 ตุลาคม 2011 เวลา 12.45 น.พระสังฆราชยอห์นบอสโก ปัญญา กฤษเจริญเป็นประธานในพิธีอำลาพระสังฆราช มนัส  จวบสมัย โดยมี พระสังฆราชโยเซฟ ประธาน ศรีดารุณศีล พระสังฆราชยอแซฟ พิบูลย์ ของท่านไปประกอบพิธีปลงศพ ณ อาสนวิหารแม่พระบังเกิด จ.สมุทรสงคราม
 
เมื่อขบวนรถที่นำร่างของพระสังฆราชยอห์นบอสโก มนัส จวบสมัย ได้เคลื่อนเข้าสู่บริเวณอาสนวิหาร มีบรรดาสัตบุรุษมาคอยต้อนรับโดย ก่อนเริ่มพิธีได้มีการถ่ายภาพหมู่เป็นที่ระลึก
 
พระสมณฑูตฯและบรรดาพระสังฆราชร่วมพิธีปลงศพพระสังฆราชมนัสฯ
 
 
วันจันทร์ที่ 24 ตุลาคม 2011 เวลา 14.00 น. พระสังราชยอห์นบอสโกปัญญา  กฤษเจริญ เป็นประธานในพิธีบูชาขอบพระคุณปลงศพ พระสังฆราชยอห์น บอสโกมนัส จวบสมัย อดีตประมุขสังฆมณฑลราชบุรี ณ อาสนวิหารแม่พระบังเกิด บางนกแขวก จ.สมุทรสงคราม ร่วมกับ พระอัครสังฆราชโจวานนี ดานีเอลโล เอกอัครสมณทูตวาติกันประจำประเทศไทย บรรดาพระสังฆราช พระสงฆ์ นักบวช  สัตบุรุษ ที่มาร่วมงานเป็นจำนวนมาก
 
หลังพิธีบูชาขอบพระคุณแล้ว พระอัครสังฆราชหลุยส์ จำเนียร สันติสุขนิรันดร์ ประธานสภาพระสังฆราชคาทอลิกประเทศไทยได้กล่าวไว้ อาลัย หลังจากนั้นคุณพ่ออุปสังฆราช ประดิษฐ์ ว่องวารี ได้กล่าวถึงประวัติของพระสังฆราชยอห์นบอสโก มนัส  จวบสมัย และกล่าวขอบคุณพร ะสมณทูตฯ บรรดาพระสังฆราช พระสงฆ์และทุกท่านที่ได้มาร่วมงานและร่วมภาวนา  
 
จากนั้นได้เคลื่อนศพของพระสังฆราชยอห์นบอสโก มนัส จวบสมัย ไปยังสุสานของคณะสงฆ์สังฆมณฑลราชบุรีโดยก่อนที่จะมีพีธีบรรจุศพ พระสมณทูตฯ ได้กล่าวปราศรัยกับทุก ๆ คนที่มาร่วมงาน 
 
หลังเสร็จสิ้นพิธีต่าง ๆ พระสมณทูตฯยังได้พบปะพูดคุยกับบรรดาญาติพี่น้องพระคุณเจ้ามนัสฯ อย่างเป็นกันเอง