คุณพ่อ ยัง ปิแอร์ ตาร์ดิแวล

 
 
คุณพ่อ ยัง ปิแอร์ ตาร์ดิแวล
 
Jean TARDIVEL
 
 
คุณพ่อ ยัง ปิแอร์ ตาร์ดิแวล เกิดวันที่ 2 ธันวาคม ค.ศ. 1863  ที่หมู่บ้านก๊าชแตลโล ตำบลแซงต์บรังดัง เมืองแซงต์บริเออก์ แขวงโก๊ตส์ดือนอรด์  คุณพ่อศึกษาระดับมัธยมที่โรงเรียนในเมืองแก็งแต็ง   และในบ้านเณรเล็กเมืองปลูเกรเนอแวล  เข้าบ้านเณรคณะมิสซังต่างประเทศ วันที่ 14 กันยายน ค.ศ. 1883  รับศีลบวชเป็นพระสงฆ์วันที่ 24 กันยายน ค.ศ. 1887 และออกเดินทางมามิสซังกรุงสยามวันที่ 14 ธันวาคม ค.ศ. 1887
 
เมื่อมาถึงมิสซังกรุงสยาม คุณพ่อตาร์ดิแวลก็ถูกส่งไปอยู่ที่ดอนกระเบื้องเพื่อเรียนภาษาจีนกับคุณพ่อโยเซฟ ผู้มีเชื้อจีน คุณพ่ออยู่ที่วัดนี้ได้เพียงไม่กี่เดือน ก็ได้รับมอบหมายให้ไปเป็นปลัดของมิสชันนารีองค์หนึ่งที่บางนกแขวก คุณพ่อเจ้าอาวาสของวัดสำคัญนี้ คงจะสามารถบอกถึงการช่วยเหลือทั้งหมดที่ผู้ช่วยอันร้อนรนกระตือรือร้นให้ในการสร้างวัดหลังใหม่ คุณพ่อตาร์ดิแวล เป็นปลัดอยู่ที่บางช้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 1888-1891
 
ในขณะนั้น คุณพ่อโยเซฟ ซึ่งอายุมากและสุดวิสัยที่จะปกครองดูแลเขตวัดของคุณพ่อด้วยดีได้ จึงขอพระสังฆราชเวย์ ให้กรุณาแต่งตั้งคุณพ่อไปอยู่วัดที่พอเสมอกับพลังแรงอันลดถอยลงไปแล้วของคุณพ่อ พระสังฆราชยอมตกลงให้ตามความปรารถนานี้ ด้วยน้ำใจดีเหมือนเช่นเคย แต่เพื่อดูแลวัดดอนกระเบื้อง ต้องหาคนที่มีสุขภาพแข็งแรงอันดับหนึ่ง ผลการเลือกตกที่  คุณพ่อตาร์ดิแวล ตั้งแต่นั้นมา มิสชันนารีของเรามีงานทำอยู่แทบไม่ขาดสายเลย วัดดอนกระเบื้องอยู่ในสภาพผุพังจนเก็บศีลมหาสนิทด้วยความเคารพมิได้อีกต่อไป จำเป็นต้องสร้างหลังใหม่มาแทนที่ คุณพ่อตาร์ดิแวลดำเนินงานนี้อย่างสุดหัวใจ และใช้เงินทุนส่วนตัวของคุณพ่อสร้างอาคารที่เหมาะสมสำหรับนักบุญมีคาแอลองค์อุปถัมภ์ของวัดนี้
 
คงจะพูดได้ว่า มิสชันนารีของเราได้ใช้พลังแรงแต่เก่าก่อนที่ยังมีเหลืออยู่ทั้งหมดในเขตวัดใหม่ของคุณพ่อ บ่อยครั้งทีเดียว คุณพ่อต้องขี่ม้าตากแดดตลอดทั้งวัน บางครั้งก็ต้องลุยน้ำลึกถึงครึ่งตัว และต้องพอใจที่จะทานอะไรก็ได้ที่เป็นอาหาร คุณพ่อตาร์ดิแวลไม่แข็งแรงต่อไปอีกแล้ว เมื่อคุณพ่อวางศิลาฤกษ์วัดของคุณพ่อ ในอันที่จะสร้างวัดนี้ตามแบบแปลนของคุณพ่อแบร์นัต ผู้ดำเนินงานก่อสร้างก็ต้องคอยวิตกกังวลเป็นอย่างมาก เพราะต้องทำหน้าที่เป็นทั้งสถาปนิกและช่างปูน ตั้งแต่เวลานั้น ทุกคนก็เห็นว่าคุณพ่ออ่อนแรงลงไปด้วยเหมือนกัน แต่ยิ่งคุณพ่อรู้สึกอ่อนแรงลง คุณพ่อก็ยิ่งปรารถนาทำงานที่เริ่มไว้แล้วให้สำเร็จ
 
คุณพ่อยังได้ทำการก่อสร้างบ้านพักพระสงฆ์เป็นอิฐหลังหนึ่ง และสร้างเสร็จก่อนที่จะล้มป่วยลง
 
คุณพ่อป่วยเป็นโรคลำไส้อักเสบ จึงจำต้องมีอาหารบำรุงและเปลี่ยนอากาศ แต่ในขั้นแรก คุณพ่อตาร์ดิแวล ไม่อยากได้ยินพูดถึงทั้งการรักษาพยาบาลและการพักผ่อน คุณหมอปัวซ์นายแพทย์ชั้นเลิศของโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ เตือนบอกถึงความจำเป็นต้องกลับฝรั่งเศส ถ้าคุณพ่อต้องการจะหายป่วย  แต่คุณพ่อปฏิเสธไม่ยอมจากมิสซังไป โดยหวังว่าจะหายดีในไม่ช้า และกลับไปที่วัดของคุณพ่อ หลังจากอยู่ในโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ได้สองเดือน คุณพ่อก็ยอมรับรู้ความร้ายแรงของสภาพตนเอง จึงคิดกลับฝรั่งเศสโดยทางเรือ แต่ก็สายไปเสียแล้ว เพราะสภาพอ่อนแรงของ  คุณพ่อทำให้มิอาจเดินทางโดยเรือได้ กระนั้นก็ดีในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1906 หลังจากค่อยยังชั่วขึ้นสักหน่อยได้หลายอาทิตย์ นายแพทย์ก็ยินยอมให้คุณพ่อเดินทางไปทางทะเลได้ โดยมีเงือนไขว่า คุณพ่อจะต้องถือตามคำสั่งเรื่องอาหารอย่างเคร่งครัด ระหว่างที่ล่องทะเล จากสิงคโปร์ไปโคลมโบ ผู้ป่วยของเราอ่อนแรงมากจนเดินไม่ไหว อีกอย่างหนึ่งก็ท้องร่วงอยู่ตลอดเวลา จึงจำเป็นต้องอยู่แต่ในห้องพักของคุณพ่อ และก็ต้องยอมจากโลกนี้ไปโดยอยู่ห่างไกลจากเพื่อน     มิสชันนารี ซึ่งคงจะยินดีช่วยคุณพ่อจนวาระสุดท้าย คุณพ่อแตร์ดิแวลถวายวิญญาณคืนแด่พระเป็นเจ้า ในวันที่ 16 หรือ 17 กันยายน ค.ศ. 1906 ไม่กี่ชั่วโมงก่อนถึงเมืองโคลมโบ โดยมีบรรดาภคินีคณะแซงต์ปอล เดอ ชาร์ตร ซึ่งอยู่ในเรือลำนั้นคอยให้กำลังใจ ศพของคุณพ่อฝังในสุสานของมิสชันนารีคณะโอเบลต แห่งมารีนิรมล ที่โคลมโบ.