-
Category: ประวัติพระสงฆ์คณะมิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีส (มรณะ)
-
Published on Thursday, 07 April 2016 08:34
-
Written by หอจดหมายเหตุ
-
Hits: 1620
คุณพ่อ ยัง มารี ดังโตแนล
Jean Marie Dantonal
ชีวิตวัยเด็ก
คุณพ่อ ยัง มารี ดังโตแนล เกิดวันที่ 16 มีนาคม ค.ศ. 1936 บ้านเกิดอยู่ที่เมืองนานซี (NANCY) ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของประเทศฝรั่งเศส ใกล้กับตัวเมืองหลวง ครอบครัวฐานะปานกลาง บิดาเป็นช่างไม้ มารดาเป็นแม่บ้านเลี้ยงลูก 4 คน มีพี่ชาย 2 คน พี่สาว 1 คน คุณพ่อเป็นคนสุดท้อง พี่ชายคนโตของคุณพ่อเป็นพระสงฆ์ประจำสังฆมณฑลฝรั่งเศส คนที่ 2 แต่งงานมีลูก 3 คน ส่วนพี่สาวนั้นไม่ได้แต่งงาน เป็นครูสอนพิเศษให้กับเด็กที่ถูกทอดทิ้งในสลัมที่กรุงปารีส พี่สาวทำงานอยู่ที่เมืองนานซี มาช่วยงานวัด ช่วยสอนคำสอน ช่วยหลายสิ่งหลายอย่างที่วัด ทุกวันนี้พี่สาวยังช่วยงานของพระศาสนจักรอยู่
เดิมที คุณพ่อได้สมัครใจเข้าบ้านเณรเล็กของสังฆมณฑล แต่ด้วยความที่มีจิตตารมณ์ของการเป็นธรรมทูต และคุณพ่อเองก็มีความปรารถนาเป็นพิเศษที่จะทำงานแพร่ธรรมและประกาศข่าวดีแก่ผู้ที่ยังไม่รู้จักพระเจ้า คุณพ่อคิดเสมอว่า “ยังมีอีกหลายคนที่ยังไม่รู้จักพระวรสาร ไม่รู้จักพระเจ้าและไม่รู้จักพระคริสตเจ้า” คุณพ่อจึงได้บวชเป็นพระสงฆ์ของคณะมิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีส (MEP) ในวันที่ 24 ธันวาคม ค.ศ. 1961 ซึ่งถือเป็นโอกาสดีที่คุณพ่อจะได้ระลึกถึงการบวชเป็นพระสงฆ์ ก่อนที่จะสมโภชการบังเกิดของพระกุมารเยซู
หลังจากที่ได้บวชแล้ว คุณพ่อได้ศึกษาต่อวิชาปรัชญาที่มหาวิทยาลัยเกรโกเรียน กรุงโรม เป็นเวลา 2 ปี ซึ่งถือเป็นโอกาสดีมากสำหรับคุณพ่อ เพราะช่วงเวลานั้น พอดีกับมีการเปิดสังคายนาวาติกันที่ 2 ทำให้คุณพ่อได้พบปะกับบรรดาพระสังฆราช และได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันโดย เฉพาะในเรื่องของสังคายนาวาติกันที่ 2 เมื่อจบการศึกษาที่กรุงโรม คุณพ่อก็ได้รับมอบ หมายหน้าที่อันสำคัญยิ่งทันที นั่นคือ คุณพ่อได้รับมอบหมายให้ไปเป็นอาจารย์ที่บ้านเณรปีนัง
ประเทศมาเลเซีย ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1965-1971 และที่นั้นเอง เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คุณพ่อได้รู้จักกับประเทศไทย เพราะเวลานั้นมีสามเณรไทยหลายคนมาเรียนที่บ้านเณรปีนัง ได้แก่ คุณพ่อ บัญชา ศรีประมงค์, คุณพ่อ สมศักดิ์ ธิราศักดิ์, คุณพ่อ สนัด วิจิตรวงศ์ จนถึงรุ่นคุณพ่อ พิบูลย์ วิสิฐนนทชัย, คุณพ่อ ชวลิต กิจเจริญ และได้รู้จักกับคุณพ่อ ทัศไนย์ คมกฤส, คุณพ่อ เมธี วรรณชัยวงศ์, คุณพ่อ บรรจง อารีพรรค นี่คือช่วงที่คุณพ่อมีโอกาสได้ติดต่อสัมพันธ์และสร้างความคุ้นเคยกับคนไทย จนกระทั่งประมาณปี ค.ศ. 1969 คุณพ่อได้ตัดสินใจว่าปิดเทอมใหญ่คราวนี้ คุณพ่อจะไปดูเมืองไทย สัมผัสคนไทยให้มากขึ้น
คุณพ่อเดินทางมาประเทศไทยครั้งแรก โดยมีสามเณรไทย 2 คน คือ สามเณร ประจวบ ตรีนิกร และสามเณร ประเวทย์ สามเณรทั้งสองเป็นทั้งเพื่อนและผู้นำทาง เพราะในขณะนั้นคุณพ่อยังพูดภาษาไทยไม่ได้เลย คุณพ่อใช้เวลาหนึ่งเดือนอย่างคุ้มค่าด้วยการเดินทางไปดูในที่ต่างๆ ทั่วทั้ง 4 สังฆมณฑล (เวลานั้นมี 4 สังฆมณฑล) และเมื่อกลับมาที่ปีนัง คุณพ่อก็ไม่ได้มีความ คิดที่จะกลับมาที่ประเทศไทยอีก แต่พยานเอื้ออาทรและน้ำพระทัยของพระเจ้านั้นอยู่เหนือทุกสิ่ง เมื่อสภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งประเทศไทยมีนโยบายจะเปิดบ้านเณรใหญ่แสงธรรม โดยให้คุณพ่อ บรรจง อารีพรรค ซึ่งเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่บ้านเณรปีนัง มาเป็นอธิการคนแรกของบ้านเณรใหญ่แสงธรรม คุณพ่อบรรจงจึงได้เชิญให้คุณพ่อดังโตแนล มาเป็นอาจารย์ที่แสงธรรม พอดีกับที่วีซ่าของคุณพ่อดังโตแนลหมดอายุ คุณพ่อจึงตัดสินใจรับคำเชิญของคุณพ่อบรรจงเดินทางมาช่วยงานพระศาสนจักรในประเทศไทย
คุณพ่อเข้ามาประเทศไทยในเดือนสิงหาคม ปี ค.ศ. 1972 คุณพ่อใช้เวลาเรียนภาษาไทย 1 ปี ในตอนนั้นบ้านเณรแสงธรรมยังสร้างไม่เสร็จ จึงต้องใช้สถานที่ของคณะซาเลเซียนที่หัวหินแทนชั่วคราวเป็นเวลา 6 เดือน เมื่อสร้างเสร็จแล้ว ก็ย้ายกลับมาที่สามพราน ปี ค.ศ. 1973 คุณพ่อได้สอนวิชาปรัชญาที่วิทยาลัยแสงธรรม และช่วยงานที่วัดนักบุญ หลุยส์ มารี เดอ มงฟอร์ต ที่หมู่บ้านเศรษฐกิจ กรุงเทพฯ ไปช่วยทำมิสซาวันอาทิตย์บ้าง ช่วยสอนคำสอนบ้าง ทำอย่างนี้อยู่เป็นเวลา 3 ปี
ในปี ค.ศ. 1977 คุณพ่อถูกเรียกตัวกลับไปที่ประเทศฝรั่งเศส เพื่อไปรับตำแหน่งดูแลรับผิดชอบงานด้านกระแสเรียกของคณะมิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีส 2 ปี และเป็นผู้ช่วยอธิการใหญ่ 6 ปี
เมื่อหมดวาระที่ประเทศฝรั่งเศสแล้ว คุณพ่อได้เขียนจดหมายขึ้น 2 ฉบับ ฉบับหนึ่งถึงพระคาร์ดินัล ไมเกิ้ล มีชัย กิจบุญชู อีกฉบับเขียนถึงอธิการใหญ่ ขออนุญาตกลับมาที่เมืองไทย ประมาณ 3-4 เดือน คุณพ่อ จำเนียร กิจเจริญ อุปสังฆราช ได้ส่งจดหมายตอบกลับมาว่าทางสังฆมณฑลกรุงเทพฯเต็มใจอย่างยิ่ง และให้คุณพ่อขอวีซ่าเข้าเมืองไทยในฐานะอาจารย์ โดยให้คุณพ่อทำหน้าที่เป็นเจ้าอาวาสวัดนักบุญ หลุยส์ มารี เดอ มงฟอร์ต และก็ไปสอนที่บ้านเณรแสงธรรม คุณพ่อทำการอภิบาลสัตบุรุษที่วัด และสอนเรียนที่แสงธรรมได้ 4 ปี สภาพระสังฆราชฯจึงขอให้คุณพ่อไปประจำ
อยู่ที่บ้านเณรใหญ่แสงธรรม เป็นอาจารย์ประจำ เข้ารับหน้าที่ในปี ค.ศ. 1991 นอกจากคุณพ่อจะสอนเรียนที่แสงธรรมแล้ว คุณพ่อยังได้รับมอบหมายหน้าที่พิเศษ คือ เป็นผู้ให้คำแนะนำปรึกษาทางด้านชีวิตฝ่ายจิตแก่สามเณร และความก้าวหน้าในความสัมพันธ์กับพระคริสตเจ้า หรือที่เราเรียกว่า “คุณพ่อวิญญาณรักษ์”
การกลับมาประเทศไทยของคุณพ่อในครั้งนี้ จุดประกายความคิดของคุณพ่อ รวมทั้งชีวิตธรรมทูตของท่าน ทำให้ท่านมองไปถึงสนามงานที่ยังต้อง การพระสงฆ์ ที่ที่ยังต้องการผู้บุกเบิก สร้างเสริมความเชื่อความศรัทธา ดังเช่นผืนนาที่ยังไร้คนเก็บเกี่ยว โดยเฉพาะพวกพี่น้องชาติพันธุ์ที่อยู่ตามเขาตามดอย คุณพ่อจึงได้ปรึกษากับคุณพ่อ ยวง จักแมง ถึงการสร้างคณะธรรมทูต
ในประเทศไทย และเรียกร้องให้พระสงฆ์ทางภาคกลาง ซึ่งก็มีอยู่พอสมควร ตระหนักถึงความสำคัญ และสมัครใจไปทำงานกับพวกชาติพันธุ์ที่ภาคเหนือ คุณพ่อจึงได้เขียนจดหมายถึงสภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งประเทศไทย ทางสภาพระสังฆราชฯก็เห็นชอบในข้อเสนอ และให้ตั้งคณะธรรมทูตแห่งประเทศไทยขึ้น โดยมีพระสังฆราช บรรจง อารีพรรค เป็นผู้รับผิดชอบ พระสังฆราชบรรจง จึงได้เรียกผู้ที่สนใจ ซึ่งเวลานั้นก็มี คุณพ่อ อาเดรียโน (คณะปีเม), คุณพ่อเกรียงศักดิ์ โกวิทย์วาณิช และคุณพ่ออีกประมาณ 2–3 คน มาประชุมกัน ได้ข้อสรุปว่า น่าจะเริ่มต้นที่บ้านเณรแสงธรรมโดยมี คุณพ่อดังโตแนลเป็นผู้ดูแล คุณพ่อเริ่มต้นการหาสมาชิกธรรมทูตแห่งประเทศไทย ด้วยการประกาศให้บรรดาสามเณร ได้ทราบถึงแนวทางและนโยบายของสภาพระสังฆราชฯในเรื่องนี้ และเชิญสามเณรที่สนใจเข้าร่วมประชุมกันหลังอาหารเย็น มีสามเณรหลายคนให้ความสนใจมาร่วมประชุม และที่สุด ก็มีผู้สนใจเข้าสมัครเข้าคณะเป็นกลุ่มแรก คือ บราเดอร์ อนุรักษ์ ประจงกิจ (อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ) และ บราเดอร์ รังสรรค์ ภานุรักษ์ (สังฆมณฑลอุดรธานี) คุณพ่อสอนเรียนและเป็นคุณพ่อวิญญาณรักษ์อยู่ที่แสงธรรมถึง 15 ปี จนกระทั่ง น้ำพระทัยของพระเจ้าได้มอบหมายภารกิจชิ้นใหม่ให้กับคุณพ่อ ในเดือนธันวาคม 2006 ทางคณะ มีความเห็น และประกาศให้คุณพ่อรับหน้าที่เป็นเจ้าคณะมิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีส (MEP)
คุณพ่อเข้ารับตำแหน่งอธิการเจ้าคณะธรรมทูตแห่งประเทศไทยในเดือนมีนาคม ค.ศ.2007 ประจำอยู่ที่ศูนย์กลางคณะถนนสีลม และยังสอนอยู่ที่วิทยาลัยแสงธรรม คุณพ่อดังโตแนลยังทำหน้าที่อภิบาลคริสตชนชาวฝรั่งเศสที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ด้วย อาการป่วยด้วยโรคมะเร็งของคุณพ่อปรากฏชัดขึ้นในปี 2009 คุณพ่อพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์หลายเดือน
คุณพ่อดังโตแนลมรณภาพอย่างสงบที่โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ กลางดึกของคืนวันเสาร์ที่ 20 มีนาคม ค.ศ. 2010 เวลา 22.20 น.
คุณพ่อดังโตแนลใช้ชีวิตสงฆ์เกือบทั้งชีวิตเพื่อประกาศข่าวดีของพระคริสตเจ้า พระสงฆ์เกือบทุกองค์ที่จบจากวิทยาลัยแสงธรรมเป็นลูกศิษย์ของท่าน คุณพ่อเป็นผู้เริ่มต้นคณะธรรมทูตไทย เพื่อสืบสานจิตตารมณ์แห่งการเป็นธรรมทูตของบรรดาพระสงฆ์พื้นเมือง คุณพ่อเป็นกำลังสำคัญของการจัดฉลองครบรอบ 350 ปี คณะสงฆ์มิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีส คณะสงฆ์ซึ่งมีพระคุณอย่างใหญ่หลวงต่อพระศาสนจักรในประเทศไทย