คุณพ่อ มอริส มารียอแซฟ ยอลี

 
  
 
คุณพ่อ มอริส มารี ยอแซฟ ยอลี
 
Maurice JOLY
 
คุณพ่อ มอริส มารี ยอแซฟ ยอลี เกิดวันที่ 26 สิงหาคม ค.ศ. 1909  ที่เมืองแวร์นิเอร์ฟองแตน ประเทศฝรั่งเศส เป็นบุตรสุดท้องในจำนวนพี่น้อง 6 คน คุณพ่อเข้าบ้านเณรคณะมิสซัง ต่างประเทศกรุงปารีส ศึกษาปรัชญา ที่เมืองฟาแวร์เน ศึกษาเทวศาสตร์ที่ปารีส บวชเป็นพระสงฆ์วันที่ 21  ธันวาคม ค.ศ. 1935  
 
วันที่ 14 เมษายน ค.ศ. 1936 คุณพ่อออกเดินทางจากประเทศฝรั่งเศสถึงประเทศไทย วันที่ 19 พฤษภาคม ค.สศ. 1936  ได้ถูกส่งไปศึกษาภาษาไทยที่วัดพระหฤทัย เชียงใหม่ นาน 2 ปี วันที่ 1 เมษายน ค.ศ. 1938  สอนภาษาฝรั่งเศส ที่สามเณราลัย ศรีราชา  วันที่ 22 กรกฎาคม ค.ศ. 1939  เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดนักบุญเปโตร สามพราน นครปฐม  
 
เดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1941  ระหว่างสงครามอินโดจีน คุณพ่อถูกเนรเทศให้ออกจากประเทศไทย ไปอยู่เวียดนาม พักที่บ้านเณรเมืองไซ่ง่อน สอนภาษาลาตินและฝรั่งเศส วันที่ 26 พฤศจิกายน ค.ศ. 1942 กลับมาประเทศไทย เป็นจิตตาธิการที่อารามเซนต์โยเซฟ พักอยู่ที่อาสนวิหารอัสสัมชัญ  เดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1944  คุณพ่อเป็นจิตตาธิการโรงเรียนอัสสัมชัญบางรัก และได้ก่อตั้งสมาคมวินเซนต์เดอปอล เพื่อช่วยเหลือคนยากจน  โดยไม่จำกัดผิว เชื้อชาติ และศาสนา ตามจิตตารมณ์ของพระคริสตเจ้า  วันที่ 20 พฤษภาคม คุณพ่อได้เป็นจิตตาธิการที่อารามพระหฤทัย คลองเตย แทนคุณพ่อโอลิเอร์ ซึ่งๆ ได้รับเลือกเป็นเจ้าคณะแขวงมิสซังต่างประเทศ พระสังฆราชหลุยส์ โชแรง  ได้มอบหมายให้คุณพ่อจัดทำพระวินัยของคณะให้ถูกต้องตามกฎหมายของพระศาสนจักร คุณพ่อได้ทุ่มเทกำลังกายและใจทุกวัน ตลอด 2 ปี เพื่อศึกษากฎหมายของพระศาสนจักรเกี่ยวกับนักบวชธรรมวินัยของคณะต่างๆ หาข้อมูลของคณะจากผู้เกี่ยวข้อง และได้เรียบเรียงพระวินัยจนสำเร็จ ดังนั้น ในวันที่ 25 สิงหาคม ค.ศ.ท 1957 พระสังฆราช หลุยส์ โชแรง ได้ประกาศรับรองคณะอย่างเป็นทางการโดยมอบนามแก่คณะว่า “คณะภคินีพระหฤทัยแห่งกรุงเทพฯ” และมอบพระวินัยแก่ภคินี เพื่อเป็นหลักปฏิบัติในการดำเนิน
 
ชีวิตนักบวชของคณะนี้ตลอดไป ซึ่งถือเป็นงานสำคัญสุดยอดในชีวิตของคุณพ่อชิ้นหนึ่ง รวมเวลาที่คุณพ่ออยู่กับคณะนี้นาน 11 ปี (ค.ศ.1952-1963)และในระหว่างที่คุณพ่อประจำอยู่ที่อารามพระหฤทัย กรุงเทพฯ คุณพ่อได้ริเริ่มสร้างบ้านที่สลัมคลองเตยเป็นที่ประกอบศาสนกิจของคริสตชนที่ทำงานอยู่โรงฆ่าสัตว์ ซึ่งในปัจจุบันเป็นวัดแม่พระปฏิสนธินิรมล และเป็นโรงเรียนสามัคคีสงเคราะห์
 
วันที่ 20 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1963 คุณพ่อได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดแม่พระฟาติมา ดินแดง กรุงเทพฯ ต่อมาเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1970 คุณพ่อได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดเซนต์แอนโทนี วัดเซนต์ร็อค ท่าไข่ และวัดบางวัว จังหวัดฉะเชิงเทรา  จัดสร้างสะพานข้ามคลองหน้าวัดท่าไข่ และขอให้มีการเดินไฟฟ้าเข้าสู่หมู่บ้านท่าไข่ด้วย
 
วันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 1979  คุณพ่อได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดนักบุญเทเรซา หนองจอก และวัดแม่พระเมืองลูร์ด หัวตะเข้
 
เดือนมิถุนายน ค.ศ. 1981  คุณพ่อเป็นจิตตาธิการ ที่โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์
 
คุณพ่อเริ่มป่วยตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1993  ด้วยโรคหัวใจ อาการทรุดหนักลงเรื่อยๆ  ที่สุด คุณพ่อก็สิ้นใจอย่างสงบวันที่ 18 มิถุนายน ค.ศ. 1993  ซึ่งเป็นวันฉลองพระหฤทัยของพระเยซูเจ้า ผู้เป็นที่รักและแบบอย่างในการดำเนินชีวิตของคุณพ่อมาตลอด โดยทั่วไปแล้วคุณพ่อเป็นผู้ที่มีความศรัทธาซื่อสัตย์ต่อหน้าที่และมีใจดีมีเตตาต่อผู้ยากจนขัดสนเป็นพิเศษ มีจิตใจรักการแพร่ธรรม รักการสอนคำสอนและเอาใจใสในพิธีกรรม ตรงต่อเวลาเสมอ เป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับนักบวชและผู้แพร่ธรรมจนวาระสุดท้ายของชีวิต 
 
ขอให้วิญญาณของคุณพ่อ ได้พักผ่อนในสันติสุขกับพระเป็นเจ้าตลอดนิรันดรเทอญ