คุณพ่อ เรอเน อองรี ออกืสต์ ยัง บริสซอง

 

คุณพ่อ เรอเน อองรี ออกืสต์ ยัง บริสซอง

René BRISSON

 

เกิดวันที่ 26 เมษายน ค.ศ. 1922 ที่เมือง Machecoul ประเทศฝรั่งเศส เป็นบุตรชายคนที่ 5 ในจำนวนพี่น้อง 11 คน ของนาย ยัง มารี บริสซอง และนาง มารีอา มาลาร์ด บริสซอง โดยบิดามีอาชีพเป็นนักหนังสือพิมพ์ คุณพ่อได้รับศีลล้างบาปวันที่ 27 เมษายน ค.ศ. 1922 ที่ วัดพระตรีเอกภาพ ต่อมาได้สมัครเข้าบ้านเณรของคณะมิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีส และในวันที่ 28 มิถุนายน ค.ศ.1947 ได้รับการบวชเป็นสังฆานุกรที่วัดของบ้านเณร จากนั้นในวันที่ 29 มิถุนายน ค.ศ. 1948 ได้รับศีลบวชเป็นพระสงฆ์ ที่อาสนวิหารนักบุญเปโตร เมืองนองซ์ ประเทศฝรั่งเศส จากนั้นได้เดินทางกลับไปถวายมิสซาที่วัดพระตรีเอกภาพซึ่งเป็นวัดบ้านเกิด
 
คุณพ่อบริสซอง ยังมีพี่น้องที่เป็นพระสงฆ์อีก 3 องค์คือ คุณพ่อโมริส (มิชชันนารีที่สังฆมณฑลอุบลราชธานี) คุณพ่อยัง (พระสงฆ์สังฆมณฑลนองซ์) และคุณพ่อโรแบร์ต (มิชชันนารีที่ทวีปแอฟริกา) และซิสเตอร์ 2 ท่าน คือ ซิสเตอร์แมรี่ และซิสเตอร์มาร์ธา 
 
ภายหลังจากที่คุณพ่อได้รับศีลบวชแล้ว ได้ทำงานที่ประเทศฝรั่งเศสถึงเดือนธันวาคม และได้เกิดเหตุการณ์จลาจลทำให้วัดถูกปิดเป็นจำนวนมาก คุณพ่อจึงได้เดินทางโดยเรือมาถึงประเทศไทยในวันที่ 12 มกราคม ค.ศ. 1949 ในช่วงเวลาที่มาถึงประเทศไทยนั้น คุณพ่อได้พักอยู่ที่อาสนวิหารอัสสัมชัญเพื่อเรียนภาษาไทยกับคุณพ่อสวัสดิ์ กฤษเจริญ ในเดือนพฤศจิกายนปีเดียวกันคุณพ่อได้รับหน้าที่เป็นผู้ช่วยคุณพ่อบรัวซาร์ ที่วัดเจ้าเจ็ด และบ้านหน้าโคก เดือนมิถุนายน ปี ค.ศ. 1950 ได้ไปช่วยงานคุณพ่อมีแชล ส้มจีนที่วัดสามเสนเป็นเวลา 6 เดือน จากนั้นในเดือนธันวาคม ปีเดียวกัน ได้ไปช่วยงานคุณพ่อนิโคลัส บุญเกิด ที่วัดนักบุญเทเรซา โนนแก้ว ซึ่งในเวลานั้นได้มีการสร้างวัดหลังใหม่ขึ้น เนื่องจากวัดหลังเก่าได้ถูกไฟไหม้ในช่วงสงครามอินโดจีน ในช่วงเวลานั้นคุณพ่อบริสซองได้ร่วมกับคุณพ่อนิโคลัสในการก่อตั้งกลุ่มพลมารีที่วัดโนนแก้วเป็นกลุ่มแรกในประเทศไทย เดือนกรกฎาคม ปี ค.ศ. 1954 ไปเป็นเจ้าอาวาสชั่วคราวที่วัดโคราชแทนคุณพ่อซีริลที่เสียชีวิต เดือนตุลาคม ปี ค.ศ. 1954 ไปช่วยงานคุณพ่อเดชังป์ ที่วัดนครชัยศรี เดือนกรกฎาคม ปีค.ศ. 1955 ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดสองพี่น้อง โดยคุณพ่อได้ทำการสร้างวัดหลังใหม่ รวมถึงหอระฆัง ในด้านโรงเรียน ท่านได้ขยายชั้นเรียนเพิ่มถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 7 เดือนมกราคม ปี ค.ศ. 1965 เป็นเจ้าอาวาสที่วัดนักบุญอันนา นครสวรรค์ เดือนมกราคม ปี ค.ศ. 1969 ประจำที่สระบุรี ซึ่งขณะนั้นยังไม่มีวัด จากนั้นในเดือนสิงหาคมได้ไปช่วยงานคุณพ่อลังฟังค์ ที่วัดเซนต์ร็อคแทนคุณพ่อสำอางค์ที่เสียชีวิต เดือนมกราคม ปี ค.ศ. 1972 ไปช่วยงานคุณพ่ออังรี ที่วัดนักบุญยอแซฟ อยุธยา และวันที่ 15 เมษายน ค.ศ. 1972 ได้มาประจำที่วัดนักบุญฟรังซิสเซเวียร์ สามเสน ซึ่งขณะนั้นมีคุณพ่อบุญเลิศ ธาราฉัตรเป็นเจ้าอาวาส และในปี ค.ศ. 1998 ได้มีพิธีฉลอง 50 ปี แห่งชีวิตสงฆ์ของคุณพ่อที่วัดสามเสน

คุณพ่อบริสซองได้ประจำวัดสามเสนเป็นเวลานาน 42 ปี นับเป็นพระสงฆ์องค์ที่สามที่ทำหน้าที่ยาวนานเช่นนี้ พระสงฆ์องค์แรกคือ คุณพ่อปีโอ ดงต์ เป็นเจ้าอาวาสนาน 46 ปี พระสงฆ์องค์ที่สองคือ คุณพ่อตาปี เป็นเจ้าอาวาสนาน 44 ปี

คุณพ่อเรอเน บริสซองได้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ ตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน ค.ศ. 2012 ตลอดเวลาที่อยู่ที่โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ คุณพ่อยังมีสุขภาพที่แข็งแรงพอที่จะไปเยี่ยมวัดสามเสนที่ท่านรักและผูกพัน และยังมีเวลาไปร่วมทานอาหารกับคณะสงฆ์มิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีสเป็นครั้งคราวด้วย คุณพ่อบริสซองพัก ประจำอยู่ที่อาคารสิริอายุจนกระทั่งสองสามวันก่อนจะเสียชีวิต ท่านหกล้มติดต่อกันสามครั้งจนต้องนำ เข้าห้องไอซียู เมื่ออาการดีขึ้นแล้วคุณหมอจึงได้นำคุณพ่อไปพักอยู่ที่ชั้น 16

บ่ายวันที่อาทิตย์ที่ 10 สิงหาคม ท่านได้รับศีลเจิมคนป่วยอย่างดีและรู้ตัว ท่านพยายามรับศีลมหาสนิทแต่ก็ไม่สามารถจะบังคับลิ้นได้แล้ว กระทั่ง ในวันที่ 12 สิงหาคม ค.ศ. 2014 เวลาประมาณสามทุ่มเศษ คุณพ่อได้ถึงแก่มรณกรรม รวมสิริอายุได้ 92 ปี โดยพิธีสวดอุทิศแด่คุณพ่อได้จัดขึ้นที่วัดเซนต์หลุยส์ และในวันเสาร์ที่ 16 สิงหาคม จะเคลื่อนศพ ไปทำมิสซาปลงศพที่วัดนักบุญเปโตร สามพราน ในเวลา 9 โมงเช้า และฝังศพที่สุสานของวัดดังกล่าว

คำพูดครั้งสุดท้ายของท่านก็คือ ขอบคุณพระ ทุกอย่างแล้วแต่พระ ขอบคุณพ่อ ขอบคุณทุกคน พระสงฆ์ท่านหนึ่งได้กล่าวหลังจากนั้นว่าเคยคุยกับคุณพ่อบริสซอง ถามท่านว่า คุณพ่อจำผมได้ไหม ว่าคุณพ่อเคยส่ง การ์ดแสดงความยินดีในโอกาสบวชพระสงฆ์ มีข้อความเตือนใจว่า คุณพ่อจงถวายมิสซาทุกมิสซา เป็นเหมือนมิสซา สุดท้ายของชีวิต คุณพ่อตอบว่า นั่นคือคำสอนที่ผมจำไว้ตั้งแต่เป็นเณร 

เป็นเวลาที่อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ และบรรดาสัตบุรุษต้องกล่าวขอบคุณคุณพ่อบริสซองที่รักเรา และเรา รัก ขอบคุณการอุทิศตนทั้งชีวิตสำหรับพระศาสนจักรในประเทศไทย โดยเฉพาะในอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯของเรา ขอบคุณสำหรับแบบอย่างชีวิตสงฆ์ที่ดีเยี่ยม ขอพระเป็นเจ้าประทานพรแห่งการพักผ่อนนิรันดรแก่คุณพ่อด้วย