คุณพ่อ ปอล มารี โยเซฟ มารแต็ง

 
 
คุณพ่อ ปอล มารี โยเซฟ มาร์แต็ง
 
Paul MARTIN
 
 
คุณพ่อ ปอล มารี โยเซฟ มารแต็ง เกิดวันที่ 25 มิถุนายน ค.ศ. 1904  ที่เมืองอาฟรังซ์ส ในสังฆมณฑลกูตังส์  แขวงมังซ์ คุณพ่อเข้าบ้านเณรคณะมิสซังต่างประเทศ วันที่ 7 กันยายน ค.ศ. 1923  รับศีลบวชเป็นพระสงฆ์ จากพระสังฆราชแดส์วาซิแอร์ ในวันเสาร์ที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 1929  ที่บ้านเณรคณะมิสซังต่างประเทศ คุณพ่อเป็นหนึ่งในกลุ่มมิชชันนารี 7 องค์  ซึ่งจะออกเดินทางในวันฉลองปัสกาปี ค.ศ. 1930 ไปยังมิสซังต่างๆ  ตามที่อธิการใหญ่ พระสังฆราช เดอ เคบรีอังต์ มอบหมายให้แต่ละคน
 
เมื่อคุณพ่อมาถึงท่าเรือกรุงเทพฯ ในตอนเช้าอันร้อนระอุของวันที่ 2 มิถุนายน ค.ศ. 1930  คุณพ่อก็มีสีหน้าให้เห็นแล้วว่า สุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง และอากาศโซนร้อนคงจะทำให้  คุณพ่ออ่อนแรงลงภายในเวลาไม่นาน ในช่วงเวลาเกือบ 1 เดือนที่คุณพ่อพักผ่อนให้หายเหนื่อยจากการเดินทางอันยาวนานอยู่ที่มิสซังกรุงเทพฯ และทำความรู้จักกับบรรดาเพื่อนมิชชันนารี ทำความคุ้นเคยกับอากาศ และขนมธรรมเนียมประเพณีของชาวบ้าน
 
ต่อจากนั้น คุณพ่อได้รับมอบหมายให้ไปอยู่โคราชกับคุณพ่อโธมาส์ เพื่อเรียนรู้งานแพร่ธรรมและในไม่ช้า คุณพ่อก็เขียนจดหมายถึงเพื่อนๆ บ่นว่าปวดท้อง เพราะอาหาร เป็นต้นอาหารท้องถิ่น  คุณพ่ออยู่ที่โคราชเพียงหกเดือนเท่านั้น และเมื่อพระสังฆราชแปร์รอส กลับจากการไปร่วมประชุมสมัชชาใหญ่ของคณะมิสซังต่างประเทศที่ฝรั่งเศส ปี ค.ศ.1930 ก็แต่งตั้งคุณพ่อ เป็นปลัดของคุณพ่อดือดังด์ ซึ่งเวลานั้นอยู่ที่ปากคลองท่าลาด เพื่อทำการรักษาโรคกระเพาะได้ง่าย คุณพ่อเจ้าอาวาสพยายามสุดความสามารถที่จะช่วยทำให้สุขภาพอันบอบบางของปลัดดีขึ้น โดยให้ทานอาหารอย่างอุดมสมบูรณ์ ทั้งสะอาด และนานาชนิด จนมิชชันนารีหนุ่มดูเหมือนว่าสบายดีขึ้น คุณพ่อทั้งสองเป็นคนช่างพูดและร่าเริง จึงอยู่กันอย่างมีความสุขพอสมควร คุณพ่อมารแต็งซึ่งได้เริ่มเรียนภาษาจีนที่โคราชมาแล้ว ยังได้พบอีกว่า เจ้าอาวาสเป็นอาจารย์ชั้นดี ช่วยสอนให้คุณพ่อ รู้ภาษาจีนดีขึ้น   อันว่าคุณพ่อมีหูนักดนตรี จึงสามารถออกเสียงคำต่างๆ ได้อย่างถูกต้องรวดเร็ว
 
หลังจากที่คุณพ่ออยู่กับคุณพ่อดือรังด์ได้หนึ่งปีแล้ว พระสังฆราชก็เสนอให้ไปอยู่ในปกครองของคุณพ่อแปร์รัวย์ ที่วัดแหลมโขด ซึ่งอยู่ห่างจากปราจีนบุรีไป 4 กม.  ณ ที่นั้น คุณพ่อมิได้มีชีวิตอันหวานชื่นและสุขสงบ กับเพื่อนมิชชันนารีที่คอยเอาใจใส่ดูแลอยู่เสมออีกต่อไปแล้ว แต่กระนั้นก็ดี ใช่ว่าจะโดดเดี่ยวไปเสียทีเดียว และนอกนั้น ความกระตือร้อร้นของปลัดหนุ่มก็เจริญงอกงามได้อย่างอิสระมากกว่า ที่วัดใหม่นี้คุณพ่อมารแต็ง รักสัตบุรุษของคุณพ่อมาก และคิดค้นหาวิธีต่างๆ นานา ที่จะนำบรรดาแกะหลงฝูงกลับมา คุณพ่อชอบดูแลเอาใจใส่พวกเด็กๆ เป็นพิเศษ  แหลมโขดคงจะเป็นสถานที่ซึ่งพระเป็นเจ้าโปรดให้คุณพ่อใช้วิธีการแพร่ธรรมต่างๆ ให้เป็นประโยชน์มากที่สุด และดีที่สุด  แต่ท่านก็ไม่มีเวลาพอที่จะทำคุณประโยชน์ได้หมดตามที่ปรารถนาไว้
 
ด้วยว่าในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1934  อธิการมิสซังเรียกตัวคุณพ่อไปอยู่ที่โคกวัด มิชชันนารีชาวแขวงนอรมังดี 2 องค์  คือคุณพ่อรงแดล และคุณพ่อกาลังช์ เคยรับผิดชอบดูแลเขตนี้ในสมัยก่อนซึ่งเดินทางเข้าไปลำบาก อาศัยมิชชันนารีทั้งสองท่านดังกล่าว และพระสงฆ์พื้นเมือง บางองค์ที่สืบตำแหน่งต่อๆ มา จึงทำให้เวลานี้มีคริสตังประมาณ 500 คน อาศัยอยู่ตามทุ่งราบ ทุ่งนา และแม้แต่ตามบริเวณใกล้ๆ ป่าใหญ่  บัดนี้เป็นเรือนไม้ไม้ร่มรื่น และสะดวกสบาย แต่ในทางตรงกันข้ามวัดที่เป็นไม้ด้วยเหมือนกัน ซึ่งสร้างมาได้ประมาณ 30 ปีแล้ว จำต้องสร้างหลังใหม่ขึ้นแทน มิใช่แค่ทำการบูรณะปรับปรุงเท่านั้น แต่ทว่าเมื่อแบบแปลนวัดหลังใหม่เพิ่งวาดเสร็จ ความตายก็มาพรากเอามิชชันนารีของเราไปเสียแล้ว ท่านยังปรารถนาจะสร้างวัดน้อยหลังหนึ่งด้วย สำหรับบรรดาคริสตังที่อาศัยอยู่ห่างจากวัดใหม่ไปเป็นระยะสองชั่วโมงเดินทาง พระเป็นเจ้ามิได้ทรงประทานให้คุณพ่อดำเนินตามโครงการให้สำเร็จ
 
เมื่อคุณพ่อมาที่กรุงเทพฯ ในวันที่ 28 กันยายน และ วันที่ 16 พฤศจิกายน ค.ศ. 1937  มิชชันนารีหลายองค์สังเกตเห็นว่าคุณพ่อมีอาการไม่คอยปกติเสียแล้ว  กระนั้นก็ดี  เมื่อคุณพ่อออกจากกรุงเทพฯ ในวันอังคารที่ 23 พฤศจิกายน  เสร็จจากการเข้าเงียบประจำปีของพวกมิชชันนารี โดยคุณพ่อนำเอานมไปเป็นจำนวนมากตามคำสั่งของแพทย์  ไม่มีใครคาดคิดว่าคุณพ่อจะถึงจุดจบในเวลากระชั้นชิดเช่นนี้  สวรรค์โปรดให้คุณพ่อมารแต็งออกจากโคกวัด และมาถึงโรงพยาบาลของมิสซังในวันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม หลังจากพักหนึ่งคืนที่ปราจีนบุรี นายแพทย์ซึ่งรู้จักผู้ป่วยทันทีอย่างละเอียดถี่ถ้วน ผลการตรวจปรากฎว่าหมดหวังแล้ว นายแพทย์พบว่ามีอวัยวะชำรุดทรุดโทรมอย่างไม่มีทางรักษาได้ ทั้งกระเพาะ และไต ไม่ทำงานแล้ว การฉีดยาเซรุ่มและการให้ยาอื่นๆ ทั้งหลายไม่มีผลอะไรเลย หมดหวังที่จะรักษาให้หาย แม้นายแพทย์ทำการรักษาพยาบาลด้วยความเสียสละ และมิชชันนารีทุกองค์สวดภาวนาวิงวอนขอให้หายป่วยก็ตาม  คุณพ่อมารแต็ง  รับศีลทาสุดท้ายโดยรู้ตัว ในวันที่ 20 ธันวาคม และ รุ่งขึ้นวันที่ 21 ธันวาคม  ก็เป็นวันฉลองครบรอบปีที่ได้รับศีลบวชเป็นพระสงฆ์ คุณพ่อคงปรารถนาอย่างยิ่งที่จะถวายชีวิตเป็นบูชาในวันนั้น แต่พระเป็นเจ้าทรงโปรดปรานให้อยู่บนแผ่นดินนี้ถึงวันฉลองพระคริสตสมภพ และรับคุณพ่อไปสู่สวรรค์ เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม ค.ศ. 1937 ตอนเช้า เวลา 7.30 น.