คุณพ่อ เอเจียน โอลลิเอร์

 
 
คุณพ่อ เอเจียน โอลลิเอร์
 
Étienne OLLIER
 
คุณพ่อ เอเจียน โอลลิเอร์ เกิดวันที่ 14 กรกฎาคม ค.ศ. 1902  ที่เมืองวัลลัวร์ แขวงซาวัวในสังฆมณฑลแซงต์ยังเดอโมเรียน คุณพ่อศึกษาจนจบชั้นมัธยมที่เมืองวัลลัวร์ และเมืองซือซ์ ประเทศอิตาลี ระหว่างปี ค.ศ. 1913-1918  เข้าบ้านเณรคณะมิสซังต่างประเทศ วันที่ 22 ตุลาคม 1919  และรับศีลบวชเป็นพระสงฆ์ วันที่ 29 พฤษภาคม ค.ศ. 1926  คุณพ่อออกเดินทางมากรุงเทพฯ ในวันที่ 20 กันยายน ค.ศ. 1926  
 
เมื่อคุณพ่อมาถึงกรุงเทพฯ ในวันที่ 24 ตุลาคม ค.ศ. 1926   คุณพ่อถูกส่งไปอยู่ที่วัดลำไทร เพื่อเริ่มเรียนภาษาไทยเป็นเวลาหนึ่งปี เดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1927  ได้รับมอบหมายให้ปกครองดูแลวัดหนองรี และจะอยู่ที่วัดนี้จนถึงปี ค.ศ. 1934  ในขณะที่ปกครองดูแลวัดนี้อยู่นั้น คุณพ่อก็เรียนภาษาไทยและภาษาจีนอย่างขยันขันแข็ง คุณพ่อกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญอย่างยิ่งในสองภาษานี้ด้วยเหตุนี้ จึงมีคนเชิญคุณพ่อไปเทศน์ในโอกาสต่างๆ หรือไม่ก็เทศน์เข้าเงียบ  อันที่จริงคุณพ่อชอบงานเทศน์มาก และทำการเทศน์ด้วยสิ้นสุดจิตใจ หลังจากได้ไปอยู่ที่เชียงใหม่ แปดริ้ว และโคราช เป็นช่วงสั้นๆ  เพื่อรักษาการแทนเจ้าอาวาส คุณพ่อก็กลับไปพักผ่อนครั้งแรกในฝรั่งเศส ระหว่างปี ค.ศ. 1937-1938
 
เมื่อกลับมาถึงกรุงเทพฯ ในเดือนเมษายน ค.ศ. 1938 คุณพ่อได้รับแต่งตั้งเป็นเป็นจ้าอาวาสวัดของชาวจีน ชื่อวัดแม่พระลูกประคำ กาลหว่าร์ คุณพ่อทำงานอยู่ที่วัดนี้ด้วยความกระตือรือร้นอย่างมากเป็นเวลาเกือบ 3 ปี ตั้งแต่เดือนเมษายน ค.ศ. 1938 ถึง เดือนมกราคม ค.ศ. 1941  คุณพ่อทุ่มเทกายใจให้กับงานอภิบาลมาก 
 
เดือนมกราคม ค.ศ. 1941  คุณพ่อรับหน้าที่เป็นจิตตาธิการที่เซนต์โยเซฟคอนเวนต์ เป็นเวลาหนึ่งปี และตั้งแต่เดือนมกราคม ค.ศ. 1942 คุณพ่อกลับไปอยู่ที่วัดกาลหว่าร์อีก เป็นเวลาเกือบ 6 ปี  คือจนถึงช่วงเวลาพักผ่อนของคุณพ่อในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1948 หลังจากกลับมาจากช่วงพักผ่อน คุณพ่อก็กลับไปอยู่ที่วัดกาลหว่าร์อีก ตั้งแต่เดือนกันยายน ค.ศ. 1949 - เมษายน ค.ศ. 1951
 
เมื่อจิตตาธิการของอารามคณะรักไม้กางเขนถึงแก่มรณภาพลง คุณพ่อโอลลิเอร์ก็ได้รับมอบให้ดำรงตำแหน่งนี้แทนต่อไป คุณพ่ออยู่ในตำแหน่งนี้ได้ไม่นานนัก เพราะความไว้เนื้อเชื่อใจของบรรดาเพื่อนมิชชันนารี พร้อมกับความเห็นชอบของบรรดาอธิการในคณะ ทำให้คุณพ่อได้รับแต่งตั้งเป็นอธิการแขวงองค์แรกของภูมิภาคประเทศไทย-มาเลเซีย  ซึ่งเพิ่งได้รับการจัดตั้งขึ้นมาใหม่ๆ  คุณพ่อรับตำแหน่งใหม่นี้ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1952  และดำรงอยู่ในหน้าที่นี้จนถึงเดือนตุลาคม ค.ศ. 1959
ปี ค.ศ. 1959  ภูมิภาคมาเลเซีย-สิงคโปร์ ถูกแยกออกจากภูมิภาคประเทศไทยด้วยเหตุผลทางด้านความสะดวก คุณพ่อโอลลิเอร์ถือโอกาสนี้ลาออกจากตำแหน่งอธิการแขวง และไปพักผ่อนที่สมควรยิ่งแล้ว  หลังจากได้ทำงานมาตลอดเวลา 10 ปี เวลานั้น คุณพ่อมิได้คิดจากประเทศไทยไปโดยไม่มีหวังจะกลับมาอีก แต่สถานการณ์ชิงดีชิงเด่นกันซึ่งเหลือวิสัยที่จะบรรยาย ณ ที่นี้ได้ ทำให้คุณพ่อตกลงใจทำงานอยู่ในฝรั่งเศส
 
ในขั้นแรก คุณพ่อเป็นจิตตาธิการอยู่ในแขวงซาวัว อยู่จนถึงปี ค.ศ. 1962  ต่อจากนั้น ก็ได้รับเชิญไปเป็นจิตตาธิการคลินิคแซงต์ยัง เมืองตูลูส ซึ่งอยู่ในการปกครองดูแลของภคินีคณะมิสซังต่างประเทศ ฉะนั้น แต่ปี ค.ศ. 1962-1972  คุณพ่อทุ่มเทความกระตือรือร้นเป็นอย่างมากด้วยการดูแลคนเจ็บป่วยทั้งหลาย
 
หลายปีผ่านไป คุณพ่อเกิดเป็นโรคต้อกระจกอย่างร้ายแรง ต้อกระจกที่ไม่มีทางหายและก็ผ่าตัดไม่ได้ด้วย คุณพ่อเป็นโรคตานี้จนมิอาจทำงานได้อย่างง่ายนัก ดังนั้น เมื่อบรรดาอธิการขอร้องคุณพ่อ คุณพ่อจึงยอมออกจากคลินิคและในวันที่ 18 เมษายน ค.ศ.1972  คุณพ่อไปอยู่ที่ม็องเบอต็อง
 
บรรดาสัตบุรุษเก่าๆ ของคุณพ่อในประเทศไทยปรารถนาพบคุณพ่ออีก พวกเขาเชิญคุณพ่ออยู่บ่อยๆ โดยเสนอถึงขั้นที่จะออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการเดินทางให้ ประจวบโอกาสเหมาะ ที่อับเบรีฟส์ ประธาน  “สมาคมศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยคาทอลิกแห่งเมืองตูลูส”  เสนอให้คุณพ่อมาเป็นเพื่อนท่องเที่ยวรอบประเทศไทย คุณพ่อจึงตัดสินใจจะเดินทางมาประเทศไทย นายแพทย์ไม่คัดค้านในเรื่องนี้ ยิ่งกว่านั้นนายแพทย์ยังแนะนำให้คุณพ่อหย่อยใจด้วยการเดินทางครั้งนี้ คุณพ่อออกเดินทางเดือนเมษายน ค.ศ. 1976 การอยู่ในประเทศไทย 15 วันนั้นมันเกินกว่าที่คุณพ่อคาดคิดไว้ คุณพ่อรู้สึกอย่างแจ่มแจ้งว่า บรรดาคริสตังของคุณพ่อยังคงคิดถึงคุณพ่ออยู่มากเพียงไร
 
เดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1976  คุณพ่อทำการฉลองครบรอบ  50  ปีแห่งการเป็นพระสงฆ์
 
หลายปีผ่านไป สุขภาพของคุณพ่อทรุดโทรมลง และสายตาก็ฝ้าฟางลงเรื่อยๆ  ในช่วงเดือนบั้นปลายของชีวิต  คุณพ่อเกือบจะอ่านอะไรไม่ได้เลย เดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1978  คุณพ่อเกิดเป็นอัมพาตนิดหน่อยเพราะไม่สนใจในคำเตือน นายแพทย์หวังว่าคุณพ่อคงจะใช้อวัยวะส่วนต่างๆ ของคุณพ่อได้อีกในไม่ช้า แต่อันที่จริง หลังจากนั้นอีกไม่กี่วัน โรคนี้ก็ปรากฎให้เห็นว่าร้ายแรงกว่าที่คาดคิดไว้ตอนแรก คุณพ่อถูกส่งเข้าโรงพยาบาลที่ม็องต์โตบัง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ คนหนึ่งค้นพบสาเหตุของโรคอัมพาตนี้ คือเส้นโลหิตอักเสบอย่างร้ายแรง แพทย์ให้ทำการผ่าตัดเสี่ยงดูครั้งสุดท้าย โดยไม่ได้ให้ความหวังอะไรมากนัก แต่แล้วการผ่าตัดมิได้เกิดผลดังคาด หลังจากนั้นไม่กี่วันคุณพ่อถึงแก่มรณภาพลง วันที่ 9 ธันวาคม ค.ศ. 1978  หลังจากที่เข้าตรีทูตอยู่เป็นเวลานาน.