คุณพ่อ โคลด ราแป็ง

 

คุณพ่อ โคล้ด ยัง จอร์จส์ ราแปง

Claude RAPIN 

 

คุณพ่อ โคลด ราแป็ง เกิดวันที่ 24 เมษายน ค.ศ. 1929 ที่เมืองเลอบูแปร์ ในสังฆมณฑลลีซอง แขวงวันเด คุณพ่อเข้าบ้านเณรคณะมิสซังต่างประเทศวันที่ 20 กันยายน ค.ศ. 1949  และได้รับศีลบวชเป็นพระสงฆ์ วันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 1956 ได้รับมอบหมายให้มากรุงเทพฯ (ประเทศไทย) ออกเดินทางมาในวันที่ 28 กันยายน ค.ศ. 1956
 
เมื่อคุณพ่อราแป็งมาถึงกรุงเทพฯ คุณพ่อโอลลิเอร์ อธิการแขวง มอบหมายให้คุณพ่อเรียนภาษาจีนทันที
 
เมื่อมาถึงกรุงเทพฯได้หนึ่งปี คือ ในปี ค.ศ.1957 เนื่องจากขาดบุคลากรมิสชันนารี คุณพ่อจึงได้รับมอบหมายให้ดูแลวัดแม่พระลูกประคำ เป็นที่รู้จักกันมากกว่าในนามวัดกาลหว่าร์ ตำแหน่งเจ้าอาวาส คุณพ่อรับตำแหน่งนี้ด้วยความนอบน้อมเชื่อฟัง และทันที ก็ตระหนักว่า เพื่อทำการดูแลรักษาวัดนี้ คุณพ่อต้องการผู้ร่วมงานเพิ่มอีก นอกเหนือจากผู้ร่วมงานที่ได้รับมอบหมายหน้าที่หมดแล้ว คือ คุณพ่อปลัด ซึ่งมีจำนวนไม่เพียงพออยู่เสมอ ด้วยเหตุนี้ คุณพ่อจึงเอาครูคำสอนที่เสียสละมาร่วมงานด้วย มีการจัดระบบออกเยี่ยมเยียนพวกคริสตัง สภาพครอบครัวที่อยู่กินกันไม่เรียบร้อยก็จัดให้เรียบร้อยถูกต้อง และบางปีจำนวนผู้ใหญ่รับศีลล้างบาปก็เพิ่มขึ้นจนถึงประมาณ 60 คน  ยากที่จะถามถึงจำนวนนี้ได้ในเมืองกรุงเทพฯ
 
วัดกาลหว่าร์เองก็มีโรงเรียนประจำวัดอยู่แล้ว สำหรับเด็กชายและเด็กหญิงเปิดรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคริสตังหรือคนต่างศานาก็ตาม พวกคนจนที่ไม่สามารถเข้าไปเรียนในโรงเรียนใหญ่ๆ ก็มาเข้าโรงเรียนวัดนี้ได้ ไม่มีนักเรียนยากจนสักคนเดียวได้รับการปฏิเสธ เนื่องจากมีนักเรียนเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ซิสเตอร์คณะอุร์สุลิน ได้รับมอบหมายให้มาปกครองดูแลโรงเรียนวัดสำหรับเด็กหญิง แต่ปี ค.ศ. 1925 แล้ว คุณพ่อราแป็งเองก็ได้ขอร้องให้ภราดาเซนต์คาเบรียล มาปกครองดูแลโรงเรียนวัดสำหรับเด็กชาย
 
กลุ่มคริสตังเล็กๆ สามกลุ่มที่ชานเมืองกรุงเทพฯ ขึ้นอยู่กับวัดกาลหว่าร์ กลุ่มหนึ่งมีชื่อว่า บางสะแก  ตั้งอยู่บนฝั่งตรงข้ามกับแม่น้ำเจ้าพระยา กลุ่มคริสตังบางสะแก ส่วนหนึ่งหาเลี้ยงชีพด้วยการทำสวน และอีกส่วนหนึ่งจากการรับจ้างเล็กๆ น้อยๆ ในเมือง คนพวกนี้ไม่ใช่คนรวย มีวัดเล็กๆ ที่กำลังจะพัง ใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรม พวกเขาไม่มีโรงเรียน ในที่นี้มิสซังเป็นเจ้าของที่ดินอยู่บ้าง และคุณพ่อก็รักใคร่ชอบพอคริสตังกลุ่มนี้ ทีละเล็กทีละน้อย คุณพ่อตีตัวออกจากวัดกาลหว่าร์ และจัดตั้งกลุ่มคริสตังใหม่ขึ้นกลุ่มหนึ่ง พวกคริสตังมีอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อก่อสร้างบ้านของพวกเขาบนที่ดินของมิสซัง และหมู่บ้านก็เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา แต่ก็ไม่มีโรงเรียน ส่วนวัดก็กำลังผุพังลง วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1965  คุณพ่อออกจากวัดกาลหว่าร์ และมาประจำอยู่ที่วัดบางสะแก โดยพระสังฆราชโชแรง แต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาส ในปี ค.ศ. 1964  คุณพ่อจัดสร้างวัดใหม่ขึ้นหลังหนึ่ง และทำพิธีเสกวันที่ 8 ธันวาคม ค.ศ. 1964  คุณพ่อจัดการสร้างโรงเรียนขึ้นด้วย การสร้างสองอย่างนี้เป็นผลงานชิ้นสุดท้ายของคุณพ่อก่อนออกจากวัดบางสะแกนี้ไป
 
ในปี ค.ศ. 1967  สังฆมณฑลกรุงเทพฯ ตัด 13 จังหวัดทางภาคเหนือออก  เพื่อจัดตั้งสังฆมณฑลใหม่ขึ้นอีกสังฆมณฑลหนึ่ง ศูนย์กลางอยู่ที่จังหวัดนครสวรรค์ และพระสังฆราชมิแชล ลังเยร์ เป็นพระสังฆราชองค์แรกของสังฆมณฑลใหม่นี้ คุณพ่อขออาสาสมัครจากสังฆมณฑลกรุงเทพฯ คุณพ่อราแป็งเป็นคนหนึ่งในบรรดาอาสาสมัครกลุ่มแรก คุณพ่อออกเดินทางไปอยู่สังฆมณฑลนครสวรรค์ ปี ค.ศ. 1969  ที่เมืองสระบุรี ตั้งอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ไปทางเหนือประมาณ 100 ก.ม.  มิสชันนารีสององค์เคยไปพักอยู่ในเมืองระยะสั้นระยะหนึ่งแล้ว โดยมีความเป็นอยู่อย่างเรียบๆ พื้นๆ มิสซังซื้อที่ดินผืนหนึ่งทางชานเมือง เป็นที่ดินโล่งเตียน ค่อนข้างเปลี่ยว และไม่มีรั้วกั้น กระนั้นก็ดีจำเป็นต้องใช้ที่ดินผืนนี้ให้เป็นประโยชน์ เพื่อจะได้ไม่ให้คนอื่นมาแย่งเอาไป และเพื่อจัดตั้งศูนย์ถาวรให้กับพวกคริสตังที่สระบุรี
 
 
คุณพ่อราแป็งได้เริ่มงานก่อสร้างต่างๆ ที่บางสะแกมาแล้ว คุณพ่อเริ่มสร้างใหม่อีกที่สระะบุรี ภายในเวลาสองสามเดือน ก็สร้างบ้านพักหลังหนึ่งเสร็จ จัดให้มีห้องกว้างพอควรห้องหนึ่งอยู่ชั้นบนเพื่อชุมนุมกลุ่มคริสตัง วัดชั่วคราวนี้จัดให้อยู่ในความอุปถัมภ์ของแม่พระประจักษ์เมืองลูรดส์เหมือนกับวัดบางสะแก
 
ในตัวเมืองสระบุรี มีครอบครัวคริสตังอยู่เพียงบางครอบครัว เชื้อชาติต่างกัน คริสตังอื่นๆ จำนวนมากกว่านี้ กระจัดกระจายอยู่ในประมาณหกหมู่บ้าน ห่างจากตัวเมืองออกไปไกลถึง 30 ก.ม. เป็นการยากที่จะจัดพิธีกรรมให้มีชีวิตชีวา โดยมีสัตบุรุษเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ให้คริสตังทุกคนมารวมกันฟังมิสซาวันอาทิตย์ครั้งเดียวจะไม่ดีกว่าหรือ หลังจากไปทำมิสซาตามศูนย์ต่างๆ โดยมีช่วงห่างกันอย่างสม่ำเสมออยู่เป็นเวลาหลายปี คุณพ่อราแป็งจึงตัดสินใจให้มีการรวมกลุ่มกัน และคริสตังกลุ่มต่างๆ ก็เริ่มมารวมกันทุกอาทิตย์ ดังนั้น จึงเกิดปัญหาว่า  วัดชั่วคราวเกิดคับแคบไปเสียแล้ว และคุณพ่อราแป็งก็ลงมือสร้างวัดขึ้นหลังหนึ่ง วัดนี้ได้รับการเสกในปี ค.ศ. 1979
 
คุณพ่อราแป็งได้เลือกเอาวันฉลองพระคริสตสมภพ ปี ค.ศ. 1981  เป็นวันฉลองหิรัญสมโภชการบวชเป็นพระสงฆ์ของคุณพ่อ และจัดงานฉลองร่วมกับพวกคริสตัง ซึ่งสังเกตเห็นว่าคุณพ่อเหน็ดเหนื่อยมาก
 
หลายสัปดาห์มาแล้ว คุณพ่อต้องต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บ ระบบย่อยอาหารไม่ดี จึงทำให้คุณพ่อไม่อาจรับอาหารตามปกติได้ การพยายามจัดงานฉลองดังกล่าวข้างต้น ซึ่งเป็นการแสดงความรักครั้งสุดท้ายต่อพวกสัตบุรุษของคุณพ่อ ทำให้คุณพ่อต้องเข้าโรงพยาบาล ในช่วงต่อมา โดยรักษาตัวอยู่เพียงระยะสั้นนิดเดียว 
 
คุณพ่อก็ถึงแก่มรณภาพวันที่ 2 มกราคม ค.ศ. 1982  ที่โรงพยาบาลคามิลเลียน กรุงเทพฯ
 
หลังจากที่คุณพ่อมรณภาพแล้ว พวกคริสตังจากสระบุรี จากกรุงเทพฯ และจากบางสะแกต่างก็พากันมาเป็นจำนวนมากมายมหาศาล จัดเวรกันสวดภาวนาให้คุณพ่อที่วัดกาลหว่าร์ กรุงเทพฯ ศพของคุณพ่อถูกนำไปที่สระบุรี พวกคริสตังมาขอร้องพระสังฆราช คือ พระสังฆราชบรรจง  ให้ฝังศพคุณพ่อในวัดที่คุณพ่อได้สร้างสำหรับพวกเขาที่สระบุรี  พระสังฆราชตอบตกลงให้ตามนั้นทันที และวันศุกร์ที่ 8 มกราคม ค.ศ. 1982  ศพของคุณพ่อถูกฝังไว้ในวัดของคุณพ่อ ด้านหลังพระแท่นที่คุณพ่อทำมิสซาทุกเช้า มีฝูงชนมาร่วมพิธีฝังศพมากกว่าตอนฉลองพระคริสตสมภพ ในวันฉลองนั้น คุณพ่อบอกกับพวกคริสตังและคนต่างศาสนาว่า คุณพ่อถือเป็นเกียรติน่าชื่นชมที่ได้เป็นพระสงฆ์ของพระเยซูคริสตเจ้า.