ข้อเสนอแนะและแนวทางในการแพร่ธรรม

 

            “ไม่มีการแพร่ธรรมใดที่ปราศจากกางเขน” นับตั้งแต่แรกเริ่มเมื่อบรรดามิชชันนารีเข้ามาเพื่อประกาศข่าวดีเรื่องความรอดนั้น เราจะเกิดอุปสรรคและปัญหามากมาย จนต่อเนื่องมาถึงสมัยปัจจุบันนี้ อุปสรรคต่างๆ ก็ยังไม่จบสิ้นตราบเท่าที่ยังมีการแพร่ธรรม แต่พระศาสนจักรก็ยังยืนยัน   ที่จะก้าวหน้าต่อไปในการประกาศข่าวดีในองค์กรต่างๆ ที่เราสามารถเข้าไปมีบทบาทได้ เพื่อให้คำพูดของพระคริสตเจ้าที่ตรัสว่า “ไปและยังเกิดผลที่คงอยู่ถาวร” (ยน. 15:16) ได้สำเร็จไป

            เพราะฉะนั้นเพื่อให้บรรลุผลดังกล่าว เราผู้เป็นส่วนหนึ่งของพระศาสนจักรได้คิดค้นและค้นคว้าขอเสนอแนะต่างๆ ที่คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์และอาจเป็นวิธีเป็นไปได้สำหรับนำไปใช้เป็นแนวทางในการแพร่ธรรมพระอาณาจักรของพระเป็นเจ้า และเป็นพยานถึงพระองค์ในองค์กรต่างๆ ดังนี้

 

1. การแพร่ธรรมกับศาสนาอื่น

    ข้อเสนอแนะ

1.1    พยายามเตรียมสร้างคนให้สามารถยืนหยัดความเชื่อตามแบบคริสตชน ตั้งแต่แรก (เด็ก-ผู้ใหญ่) จนกระทั่งสุดท้ายแห่งชีวิต

1.2  ส่งเสริมการอบรมศึกษาอย่างต่อเนื่องให้แก่ผู้แพร่ธรรม เป็นต้นการอ่าน การฝึกฝน เพื่อให้เกิดการปรับปรุง เปลี่ยนแปลง

1.3    พระสงฆ์-นักบวช ควรให้กำลังใจและเข้าใจกันและกันมากขึ้น เพื่อร่วมมือกันแพร่ธรรม

1.4   ควรประชาสัมพันธ์ และสนับสนุนให้ร่วมกิจกรรมที่ก่อให้เกิดความเป็นหนึ่งเดียวระหว่างคนต่างศาสนากับคาทอลิก เช่น ทำกิจกรรมวันสันติภาพ

1.5   เป็นแบบอย่างที่ดีท่ามกลางคนต่างศาสนา มีความรักความสามัคคีกันในท่ามกลางเขา

 

2. การประกาศข่าวดีกับการเป็นพยานและการกลับใจ

    ข้อเสนอแนะ

2.1 ให้กลับใจด้วยตัวเองอย่างสม่ำเสมอถึงบทบาทของการเป็นผู้รับใช้แล้วดำเนินชีวิตสอดคล้องกับคำสอน  คือ  เป็นพยานด้วยชีวิตและประกาศข่าวดีด้วยความรอบคอบตามแต่เวลาและโอกาส

 2.2 เมื่อประกาศข่าดี ก็ต้องทำให้ถูกต้อง

 2.3 สร้างความเป็นหนึ่งเดียวในกลุ่มเดียวกัน  ให้กำลังใจแก่กันและกัน ชีวิตกลุ่มจะสนับสนุนให้เราสามารถดำเนินงานได้เป็นอย่างดี เราควรมองบุคคลด้วยทรรศนะที่ดี

 2.4 หยิบยกเอาสิ่งที่ดี ที่มีมา มีส่วนในการประกาศข่าวดี และเป็นพยานและนำสู่การกลับใจ

 

3. งานด้านพัฒนา

     ข้อเสนอแนะ

3.1 ควรจัดให้มีหน่วยงานที่คล้ายคลึงกัน ได้ประชุมปรึกษาหารือแลกเปลี่ยนประสบการณความคิดเห็นแก่กันและกัน

3.2 ให้ความรู้ทางด้านสาธารณสุขมูลฐาน และการเกษตรรวมทั้งการศึกษาเพื่อชาวบ้านจะได้รู้เท่าทัน และหลีกเลี่ยงการถูกเอารัดเอาเปรียบ

3.3 บทบาทของเราควรจะเป็นบทบาทของการเชื่อมระหว่างคนกับคน และคิดว่าคงจะต้องมีการจัดพบปะกันในระหว่างพระสงฆ์-นักบวชที่มีหัวข้อเฉพาะเรื่อง เช่น เรื่องบทบาทพระสงฆ์ นักบวชในการทำงานพัฒนา

3.4 การสนับสนุนการปฏิบัติศาสนกิจและความเข้าใจในศาสนามากยิ่งขึ้น เพื่อจะได้หลุดพ้นจากความเชื่อถือ และข้อห้ามที่ไม่ถูกต้องต่างๆ

 3.5 เตรียมและพัฒนาบุคลากร จะได้มีคุณธรรมและเป็นผู้นำที่ดีในหมู่บ้าน

 3.6 ปลุกจิตสำนึกของชาวบ้านให้เข้าใจปัญหาและร่วมกันหาทางแก้ไขที่เหมาะสม

 3.7 ต้องเรียนรู้ความเป็นจริงของสภาพชีวิต ไวต่อความต้องการ ความทุกข์และความเดือด ร้อนของคนยากจน เห็นอกเห็นใจและร่วมในความทุกข์ ความเดือดร้อนนั้น

 3.8 ช่วยปลดปล่อยเขาจากสภาพดังกล่าว โดยการสนับสนุนทางด้านเศรษฐกิจ กำลังใจและแนวคิดทางด้านคุณธรรม เพื่อให้เกิดสำนึกภาพในกลุ่มถึงความจะเป็นที่จะช่วยเหลือซึ่งกันและกันมีความเป็นปึกแผ่น ซึ่งทั้งหมดนี้ เป็นการร่วมมือกับพระเป็นเจ้าในแผนการไถ่กู้ของพระองค์

 

4. งานด้านการอบรมพระสงฆ์-นักบวช

    ข้อเสนอแนะ

            แบ่งออกได้เป็น 2 หัวข้อใหญ่ๆ คือ

            1. ตัวผู้ฝึกหัด (ผู้รับการอบรม เณร เณรี)

            2. ตัวผู้ให้การอบรม

 

1. ตัวผู้รับการอบรมต้องได้รับการศึกษาความเป็นจริงของสังคม  ศาสนา และค่านิยมต่างๆ พอสมควร ควรมีประสบการณ์เกี่ยวกับชีวิตจริง นอกเหนือจากความรู้ทางด้านทฤษฎี ควรมีโอกาสออกไปสัมผัสความจริงของสังคม เพื่อจะได้เข้าใจปัญหาและสภาพความเป็นจริงมากยิ่งขึ้น ควรมีการร่วมมือกันระหว่างสังฆมณฑล คณะนักบวช ผู้รับการอบรมจากเขตสังฆมณฑล จากคณะนักบวช ควรมีโอกาสฝึกงานร่วมกัน และควรจะมีช่วงระยะ Probatio ในช่วงเวลาของการเตรียมตัวเพื่อผู้รับการอบรมจะได้มีโอกาสฝึกงานเข้าใจเรียนรู้สังคมและตัวเองมากยิ่งขึ้น พร้อมกับเปลี่ยนทัศนคติเรื่อง Probatio ว่ามิใช่เป็นการลงโทษ และเมื่อเข้าสู่ชีวิตการถวายตัวแล้ว ควรให้มีการศึกษาต่อเนื่องแก่ผู้รับการอบรม

2. ผู้ให้การอบรม ควรมีประสบการณ์จริงบ้างในงานอภิบาล งานพัฒนาและสังคมนอกเหนือ จากความรู้ทางทฤษฎี ควรจะทันต่อเหตุการณ์ ปรับปรุงตัวเองทางด้านความคิด วิธีการถ่ายทอดความรู้  และแสวงหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ ควรจะมีใจเปิดกว้าง ในการเข้าใจผู้รับการอบรมและพยายามช่วยเหลือเขา รู้จักใช้จิตวิทยาในการอบรม

 

5. งานด้านอภิบาลและงานแพร่ธรรม

     ข้อเสนอแนะ

            + คุณสมบัติของผู้อภิบาลและแพร่ธรรม

-      เป็นเพื่อนพูดคุย เป็นตัวอย่างที่ดีแก่พวกเขา

-      ให้เวลากับพวกเขา เป็นผู้ฟังที่ดี ทำตัวให้เป็นคนอยู่ง่าย กินง่าย คนง่าย (เข้าใจง่าย)

-      ต้องเป็นฝ่ายเข้าไปหาเขาก่อน เราต้องเปิดตัวเอง

-      มีการเสี่ยงแบบมีจุดมุ่งหมาย เพื่อจะได้พบพลังสร้างสรรค์ หรือพัฒนาพลังสร้างสรรค์ให้ก้าวหน้า

-      เป็นคนไวต่อความต้องการของคนอื่น มีความจริงใจมองคนอื่นในแง่ดี ไม่ทำตัวเหนือเขา ไม่ซ้ำเติมในความผิด

-      รู้จักตัดสินใจ กล้าที่จะพูดในสิ่งที่ถูกต้อง ต้อนรับทุกคนที่มาหาด้วยอัธยาศัยอันดีงาม

-      รู้จักให้อภัย อย่าทำตัวให้เขาเสียศรัทธา

 

+ งานอภิบาลและงานแพร่ธรรม

-     ไปเยี่ยมสัตบุรุษ ทำให้เราเข้าใจปัญหา และสัตบุรุษรู้จักเราและเป็นกันเองกับเรา

-      โปรดศีลศักดิ์สิทธิ์ เป็นหน้าที่ของพระสงฆ์ที่ต้องไม่ละเลย

-      ก่อตั้งองค์กรต่างๆ เช่น พลศีล วายซีเอส พลมารี

-      สนใจกลุ่มที่มีอยู่แล้ว ส่งเสริม และต่องาน รวมทั้งมีการประเมินผล

-      สอนคำสอนให้การศึกษาอบรม เป็นหน้าที่ของพระสงฆ์

-     ติดตามแกะที่หายไป หมายถึงผู้ทิ้งวัด

-     ปลูกฝังให้เขารู้จักคุณค่าของ Sense of belonging ของตนเอง คือสิ่งที่ตัวเองมีอยู่แล้ว เราจะส่งเสริมให้เขารู้จักกับสิ่งที่เขามี และเป็นสิ่งที่ดีให้เขารู้จักรักษา และพัฒนาพลังสร้างสรรค์ที่เขามีอยู่แล้วให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น

-     สนใจคนที่มีปัญหาต่างๆ ทั้งกาย-ใจ

-     หาวิธีการใหม่ๆ ปรับให้เข้ากับสถานการณ์ บุคคล รู้กาลเทศะ

-     ส่งเสริมชีวิตภายในแก่เด็ก เยาวชน

-      ส่งเสริมให้ฆราวาสเข้ามามีบทบาทและรับผิดชอบงานของพระศาสนจักร

 

6. งานเยาวชน

     ข้อเสนอแนะ

-    ผู้ทำงานเยาวชนอยู่ในขบวนการของการเจริญเติบโตเหมือนต้นไม้   แต่กลุ่มเน้นมากในการเจริญเติบโตในด้านจิตตารมณ์พระคริสต์ “เราคือต้นองุ่น ท่านเป็นกิ่งก้าน” (ยน.15:5)

-    ต้องอยู่ในขบวนการแห่งการตัด ริดกิ่ง พร้อมที่จะยอมเจ็บ เพื่อจะมีชีวิตใหม่ เป็นขบวนการแห่งการกลับใจ และมีส่วนร่วมในประวัติศาสตร์แห่งความรอด

-     ทำงานด้วยใจรัก อุทิศตนและพากเพียรอดทน

-     อยู่ร่วมกับเยาวชน และเข้าใจเขา เป็นตัวอย่างที่ดีแก่เขา

-     มีความสัมพันธ์กับเขาเป็นการส่วนตัว (Personal Relationship)

-    พัฒนาตัวเอง เป็นต้น ด้านจิตวิทยา การแนะแนวด้วยการศึกษาและฝึกฝนตนเอง ในการช่วยเหลือเยาวชน จะได้เข้าใจเขา แล้วไม่เอาตัวเราเป็นเกณฑ์ในการทำงานกับเขา


7. งานด้านการศึกษา

     ข้อเสนอแนะ

            + เกี่ยวกับผู้บริหาร

-     รวมกลุ่มผู้บริหาร เพื่อให้มีอำนาจการต่อรองได้ เมื่อมีการรวมกลุ่ม ควรจะเข้าร่วม ถ้าหากเป็นไปได้ ควรส่งตัวแทน

-   จัดสัมมนา ประชุม วางแผน ฯลฯ โดยทีประชุมเน้นเรื่องจริยศึกษาในโรงเรียน ปลุกจิตสำนึก-ตื่นตัว เพื่อให้เห็นความสำคัญของคุณธรรม

-     มีการตกลงร่วมกัน และแนวปฏิบัติให้สอดคล้องกัน

-     มีคุณธรรมของผู้บริหาร ไม่ลำเอียง เสียสละ ฯลฯ

-     การบริหารดี เช่น การคัดเลือกครู ควบคุมการทำงานของครู ประสานงานต่างๆ เช่น ครูเก่า ครูใหม่ ครูดี ครูไม่ดี

 

+ เกี่ยวกับครู

-      ซาบซึ้งในจิตตารมณ์ของโรงเรียนคาทอลิก

-      ปลุกจิตสำนึกในจรรยาบรรณครู

-      ร่วมกันแก้ปัญหาต่างๆ ของครู เช่น ปัญหาการครองชีพ การทำงานตามจรรยาบรรณครู ร่วมกับผู้บริหาร

-      ติดตามผลการเรียนการสอน

-      สอดแทรกคุณธรรมได้ทุกวิชา แม้วิชาเลขคณิต

-      ครูกับเด็กควรมีบทบาทในสังคม และการพัฒนาชุมชน

-      ครูควรเป็นปูชนียบุคคล สำหรับนักเรียนด้วย

 

+ เกี่ยวกับนักเรียน

-      นักเรียนควรรู้จริยะขั้นมูลฐานของชาติ (แบบกว้างๆ)

-      นักเรียนควรรู้ว่า ศาสนาไม่ขัดแย้งกับวิชาการ

-      นักเรียนควรได้รับการฝึกคุณธรรมต่างๆ ที่ช่วยในการอบรม เช่น กีฬา ศึกษานอกสถานที่ กิจกรรมในโรงเรียน ฯลฯ

-      นักเรียนควรมีบทบาทในการพัฒนาชุมชนและพัฒนาตนเอง

-      นักเรียนควรมีโอกาสใช้ระบบประชาธิปไตยในโรงเรียน

 

+ เกี่ยวกับผู้ปกครอง

-      เราต้องประชาสัมพันธ์ให้ผู้ปกครองทราบในเรื่องต่างๆ ข้างต้น

-    ผู้ปกครองควรมีคุณธรรมที่สอดคล้องกันกับโรงเรียน ของครู และของนักเรียน มีโอกาสทำความเข้าใจกันตามโอกาสต่างๆ เช่น วันครู วันนักเรียน วันผู้ปกครอง วันปฐมนิเทศ ฯลฯ

 

+ เกี่ยวกับด้านอื่น

-       โรงเรียนที่ใหญ่กว่าก็ให้ความช่วยเหลือแก่โรงเรียนที่เล็กกว่า อาจเป็นในรูปโรงเรียนพี่ ช่วยโรงเรียนน้อง

-       ช่วยเหลือกันเองในกลุ่มโรงเรียนต่างๆ ของคณะนักบวชเดียวกัน

-        ช่วยเหลือกันในกลุ่มโรงเรียนเขตมิสซังเดียวกัน

 

ตราบใดที่เรายังมีลมหายใจอยู่ งานแพร่พระอาณาจักรของพระเป็นเจ้าก็ยังคงอยู่กับเรา เพราะแผนการของพระนั้นยังไม่จบสิ้นในองค์พระเยซูคริสตเจ้า ซึ่งพระองค์เองได้บอกกับเราว่า “จงไปและประกาศข่าวดีแก่นานาชาติ” (มก.16:15) เพราะฉะนั้นจึงเป็นหน้าที่ของเราคริสตชน     ที่จะประสานของพระองค์ต่อไป ด้วยวิธีการต่างๆ และแนวทางที่อาจจะเป็นไปได้ และต้องเป็นไปได้อย่างแน่นอนด้วยความช่วยเหลือขององค์พระจิตเจ้า ผู้ทฟรงประทับออยู่กับพระศาสนจักรมาตั้งแต่เริ่มมีพระศาสนจักรเลยก็ว่าได้.