-
Category: คณะนักบวชหญิง
-
Published on Friday, 15 September 2017 04:41
-
Written by หอจดหมายเหตุ
-
Hits: 3706
ผู้สถาปนาคณะ นักบุญมารีอา ยูเฟรเซีย เพเลทิเอร์ |
ตราคณะ
|
นักบุญมารีอา ยูเฟรเซีย เพเลทิเอร์ และพันธกิจของท่าน การฉลองของเราในวันนี้ เป็นการแสดงถึงความกตัญญูรู้คุณต่อสตรีท่านหนึ่ง สตรีผู้ซึ่งตร ะหนักถึงพันธกิจที่ท่านมีต่อโลก สตรีท่านนี้มีพระพรแห่งวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล และมีจิตสำนึกในความเป็นหนึ่งเดียวกันของมวลมนุษย์ ท่านมีความรักลึกซึ้งต่อมนุษย์ชาติ และปฏิบัติการแห่งความรักแก่คนที่ต่ำต้อย คนที่สิ้นหวัง และคนที่อยู่ชายขอบของสังคม
นักบุญมารีอา ยูเฟรเซีย เกิดวันที่ 31 กรกฎาคม ค.ศ. 1796 ในครอบคัวเพเลทิเอร์ ซึ่งอาศัยอยู่บนเกาะนอร์มัวติเอร์ ในเขตเมืองเวนดี ทางฝั่งทะเลตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศฝรั่งเศส นายแพทย์จูเลีย เพเลทิเอร์และแอน ผู้เป็นภรรยาได้ถูกเนรเทศให้ไปอยู่ที่เกาะนั้น ก่อนที่โรสจะเกิดมาได้ 3 ปี พวกเขาไม่มีอนุญาตให้กลับไปยังบ้านเกิดเมืองนอนที่ซูลลังด์ได้อีก เพราะถูกตั้งข้อหาว่าให้ความช่วยเหลือและให้การดูแลรักษาแก่กลุ่มนักปฏิวัติ
โรสเป็นเด็กผิวคล้ำ มีดวงตาสุกใสเต็มไปด้วยชีวิตชีวา ชอบความสนุกสนาน มีความมุ่งมั่นแน่วแน่ เธอรู้ในสิ่งที่ชอบและไม่ชอบ เป็นเหมือนเด็กคน อื่นๆ ทั่วไป เธอได้รับพระพรตามธรรมชาติมากมาย เธอมีบุคลิกที่สง่างามและมีเสน่ห์ รู้จักไตร่ตรองและมีความรู้สึกละเอียดอ่อน มีความเป็นธรรมชาติและช่างคิด เธอมีหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยความรัก เมื่อเป็นผู้นำ เธอไม่กลัวอะไร และมีความตั้งใจแน่วแน่เสมอ ด้านชีวิตฝ่ายจิต โรสได้เรียนรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี จากแบบอย่างการดำเนินชีวิตตามพระวรสารของบิดามารดาของเธอเอง เธอได้เรียนรู้ และได้รับการหล่อเลี้ยงชีวิตฝ่ายจิต โดยทางพระคัมภีร์ ตั้งแต่เธอยังยังนั่งตักของมารดา และเพราะเธอมีความจำที่ดีเป็นเลิศ เธอจึงรู้จักรู้พระวรสารชนิดขึ้นใจทีเดียว เธอได้เรียนรู้ว่าเราทุกคนเป็น “พี่น้องกัน” มีพระบิดาเดียวกันสวรรค์ ดังนั้น ความเมตตากรุณาจึงได้เป็นกุญแจสำคัญในชีวิตของโรส ในแบบเดียวกับบิดามารดาของเธอ เธอเติบโตในความเชื่อที่มั่นคง ความเชื่อของบิดามารดาและผู้ที่อาศัยอยู่บนเกาะ มีส่วนหล่อหลอมให้เธอเป็นคนมองโลกในแง่ดี และไม่ว่าสิ่งนั้นจะน่าพรั่นพรึงเพียงใดก็ไม่อาจสั่นคลอนความเชื่อของเธอได้เลย
ที่โรงเรียน มีโรงเรียนเปิดสอนบนเกาะนั้น เมื่อโรสอายุได้ 12 ปี พวกครูของเธอต่างพิศวงในอุปนิสัยของเธอ ซึ่งมีทั้งความศรัทธาและความซุกชน มีความตั้งใจเด็ดเดี่ยว จนดูเหมือนว่าเป็นคนหัวแข็ง ดื้นรั้น ครูได้บอกกับโรสว่า ด้วยลักษณะเช่นนี้ของเธอ เธอจะเป็นได้ทั้งคนเลวที่สุดและคนดีที่สุด โรสตอบในทันทีว่า “หนูรู้ว่าหนูจะต้องถูก ปรับปรุงแก้ไข แต่หนูจะเป็นนักบวช” แต่โรสก็เป็นคนรักการศึกษา ในไม่ช้าเธอก็เริ่มมีเพื่อน แ ละได้พบครูที่เข้าใจเธอมากคนหนึ่ง เธอค่อยๆ กลับมามีความร่าเริงสดใสอีกครั้ง เมื่อเธออายุได้ 17 ปี มารดาของเธอก็เสียชีวิต กว่าเธอจะทราบข่าว พิธีฝังศพก็เสร็จสิ้นไปแล้ว และเป็นครูท่านนี้เองที่ยืนอยู่เคียงข้างเธอตลอดช่วงเวลาแห่งการสูญเสียนี้
เมื่อโรสอายุได้ 18 ปี เธอก็สำเร็จการศึกษาและพร้อมที่จะออกไปเป็นครูได้ แต่เพื่อนสนิทคนหนึ่งที่โรงเรียนได้บอกเธอถึงความตั้งใจที่จะเข้าคณะ คาร์แมล โรสตอบเพื่อคนนั้นทันทีว่า “สำหรับฉัน ฉันอยากช่วยวิญญาณให้รอด แต่จะเป็นอย่างไร ที่ไหน ก็ยังไม่รู้ได้” คำพูดของเธอทำให้ทุกคนประหลาดใจ ดูเหมือนว่านี่จะเป็นกระแสเรียกแบบใหม่
เย็นวันหนึ่ง ขณะที่โรสกำลังฟังบรรยายเรื่อง “ความกระตือรือร้น เพื่อความรอดของวิญญาณ” เธอก็ได้รับประสบการณ์ลึกซึ้ง ซึ่งเธอไม่เคยลืมเลย ในขณะที่ผู้บรรยายได้เล่าถึงผู้หญิงกลุ่มหนึ่ง ซึ่งอาศัยอยู่ฝั่งตรงข้ามกับโรงเรียนของโรสว่า พวกเธอเหล่านั้นตกอยู่ในอันตรายของกระแสสังคม โรสพลันรู้สึกถึงแรงกระตุ้นภายในที่จะตอบสนองต่อสิ่งที่ได้ยินนี้สามสิบปีให้หลังเธอปิดเผยว่า “นี้ป็นจุดเริ่มต้นของกระแสเรียกพิเศษของฉัน”
ในเย็นวันเดียวกันนั้นเอง โรสได้สมัครเข้าคณะพระมารดาแห่งเมตตาจิต ซึ่งก่อตั้งโดยนักบุญจอห์น ยูดส์ เมื่อปี ค.ศ. 1641 ระหว่างที่มีการปฏิวัติ บรรดาภคินีได้กระจัดกระจายออกไป และหนึ่งปีก่อนหน้านี้ คณะเพิ่งเปิดรับสมัครผู้สนใจเป็นภคินีอีกครั้งผู้สมัครต้องอายุเยาว์มีน้อย และเป็นเรื่องปกติที่ครอบครัวของโรสคัดค้านการตัดสินใจของเธอ เธอต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะให้พวกเขาอนุญาตให้เธอสมัครเข้าคณะนี้ได้ อันที่จริง ครู เพื่อนๆ และครอบครัว ต่างสนับสนุนให้เธอเข้าคณะอุร์สุลิน หรือไม่ก็คณะคาร์เมไลท์ แต่โรสยืนยันในกระแสเรียกพิเศษของเธอ และตลอดชีวิต เธอได้เปิดกว้างต่อสิ่งใหม่ๆ ในยุคสมัยของเธอ และทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในกระแสอลวนของการปฏิวัติ
ผู้ปกครองของโรสได้อนุญาตให้เธอเข้าอารามได้ โดยมีเงื่อนไขว่าเธอจะไม่ปฏิญาณตนอย่างเป็นทางการจนกว่าจะมีอายุครบ 21 ปีบริบูรณ์ ดังนั้น ในวันที่ 9 กันยายน ค.ศ. 1817 โรสได้เป็นสมาชิกของคณะพระมารดาแห่งเมตตาจิตอยางสมบูรณ์ เธอได้ทำการปฏิญาณตนถือศีลบนของชีวิตนักบวชอย่างสง่า รวมทั้งข้อปฏิญาณข้อที่สี่ของคณะข้อปฏิญาณนี้ ผูกมัดให้เธอมอบชีวิตเพื่อเยาวสตรีและสตรีที่มีความทุกข์กังวลฝ่ายจริยธรรมและจิตและอยากกลับใจ มีธรรมเนียมที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่โดยการรับชื่อใหม่โรสได้ขอใช้ชื่อนักบุญเทเรซาองค์อุปถัมภ์ของเธอ ผู้ซึ่งเธอยกย่องและปรารถนาที่จะเลียนแบบ แต่ได้รับการปฏิเสธ โรสจึงได้เลือกชื่อ มารีอา ยูเฟรเซีย เจ้าหญิงและพรหมจารีที่นักบุญเทเรซาเคารพนับถือ โรสได้รับการแต่งตั้งทันทีให้เป็นผู้ดูแลเยาวสตรี ซึ่งเธอเองได้อุทิศตนทั้งครบให้แก่พวกเขาในไม่ช้า พวกเขาก็พบว่า เธอเกิดมาเพื่อเป็นผู้ให้การอบรมและเป็นนักจิตวิทยาที่หาได้ยาก อย่างไรก็ตาม หัวใจของโรสก็ยังปวดร้าวเพราะมีหญิงสาวอีกเป็นจำนวนมากที่เธอไม่สามารถไปช่วยพวกเขาได้
แปดปีต่อมา เมื่อท่านอายุได้ 29 ปี สมาชิกของคณะได้เลือกท่านเป็นอธิการิณี ถึงแม้ว่าขณะนั้นจะมีข้อบังคับว่า อธิการของคณะจำเป็นต้องมีอายุ ตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป แต่ท่านก็ได้รับอนุญาตเป็นกรณีพิเศษ งานแรกที่ท่านลงมือกระทำคือการก่อตั้งภคินีคณะพิศภาวนา โดยมีความศรัทธาในการสวดภาวนาและทำพลีกรรมใช้โทษบาป เพื่อสนับสนุนงานแพร่ธรรมของคณะ
นักบุญมารีอา ยูเฟรเซีย ถึงแก่กรรมในวันที่ 24 เมษายน ค.ศ.1868 ขณะอายุได้ 72 ปี สุขภาพกายท่านทรุดโทรมมาก แต่ยังกระฉับกระเฉงในเรื่องความรักและความกระตือรือร้น ท่านทำทุกอย่างให้ผู้ด้อยโอกาส จนกระทั่งลมหายใจสุดท้ายของชีวิต พินัยกรรมสุดท้ายที่ท่านมอบให้บรรดาลูกๆ ของท่าน คือ ความกระตือร้อร้น เพื่อความรอดของวิญญาณ เมื่อท่านจากไปนั้น มีภคินีแพร่ธรรม 2,800 ท่าน และภคินีเพ่งพิศภาวนา 970 ท่าน มีสตรีและเยาวชนในความดูแลทั้งหมด 15,000 คน และมีบ้านของคณะ 110 แห่งทั้วโลก
ท่านได้จัดตั้งศูนย์กลางการบริหารของคณะที่เมืองอังเจร์ และมีแขวงการปกครองทั้งหมด 16 แขวง แต่ละแขวงมีศูนย์ฝึกอบรมนักบวชของคณะและกิจกรรมต่างๆ เพื่อหาสมาชิกเพิ่ม
พระศาสนจักรได้สถาปนาภคินีมารีอา ยูเฟรเซีย เป็นนักบุญ เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ค.ศ. 1940 วันฉลองของท่านคือ วันที่ 24 เมษายนของทุกปี บรรดาภคินีของท่านยังคงดำเนินพันธกิจของท่าน ต่อมาจนทุกวันนี้ พระศาสนจักรกล่าวถึงท่านว่า “...เป็นผู้ร่วมงานแห่งพระเมตตาของพระเป็นเจ้า โดยทางบรรดาภคินีของท่านตลอดนิรันดร” ในปี ค.ศ. 1985 มีภคินีแพร่ธรรมทั้งหมด 6,550 ท่าน และมีบ้านทั้งหมด 593 แห่ง มีภคินีเพ่งพิศภาวนา 1,263 ท่าน และบ้าน 59 แห่ง มีฆราวาสที่ร่วมงานด้วยความเสียสละและอุทิศตนเป็นพันๆ คน เขาเหล่านี้มีส่วนร่วมในพันธกิจแห่งการไถ่กู้เช่นเดียวกับที่ท่านได้ทำในขณะที่มีชีวิตอยู่
ประวัติคณะ
คณะภคินีศีชุมพาบาล สถาปนา โดย นักบุญมารีอา ยูเฟรเซีย เพเลทิเอร์ (ค.ศ. 1796-1868) พระสันตะปาปาเกรโกรี่ ที่ 16 ได้ให้การรับรอง เมื่อวันที่ 16 มกราคม ค.ศ. 1835 คณะมีต้นกำเนิดจากคณะพระมารดาแห่งเมตตาจิต ซึ่งเป็นที่รู้จักในนามของ "สถานที่ลี้ภัย" ซึ่งได้สถาปนาขึ้นโดยนัก บุญจอห์น ยูดส์ (ค.ศ.1601-1680) คณะภคินีศรีชุมพาบาลเป็นคณะนักบวชหญิงแพร่ธรรมที่ได้รับการรับรองโดยพระสันตะปาปา ซึ่งรวมถึงภคินีศรีชุมพาบาล และภคินีเพ่งพิศภาวนา แห่งพระศรีชุมพาบาล ซึ่งตั้งขึ้นที่ประเทศฝรั่งเศส ในศตวรรษที่ 19
ประวัติการทำงานในประเทศไทย
ซิสเตอร์ 4 ท่านได้เข้ามาทำงานในประเทศไทยเมื่อปี ค.ศ.1965 และได้เปิดบ้านหลังแรกที่ กรุงเทพฯ ในปี ค.ศ.1968 เพื่อทำงานกับสตรีและเยาวสตรี ผู้ยากจน ผู้ด้อยโอกาส และผู้ที่สังคมรังเกียจ และงานก็ค่อย ๆ ขยายต่อไปยังหนองคายในปี ค.ศ.1981 พัทยาในปี ค.ศ.1988 และเชียงราย ในปี ค.ศ.1996 งานของคณะโดยทั่วไปเกี่ยวข้องกับสตรี และเยาวสตรี ผู้อพยพ แรงงานหรือผู้ถูกหลอกให้มาทำงานในกรุงเทพฯ มารดาและทารกที่ถูกทอดทิ้ง เยาวสตรีที่ประสบปัญหาในชีวิต การให้การศึกษานอกโรงเรียน และการฝึกวิชาชีพต่างๆ กับผู้ถูกคุมขัง เด็กเร่ร่อน ผู้หญิงบริการเยาวสตรีชาวไทยภูเขา ผู้ติดเชื้อเอดส์
ตราคณะ
ดวงหทัยทั้ง 2 ดวง ที่ปรากฏให้เห็นนั้นเป็นดวงหทัยของพระเยซูเจ้าและแม่พระซึ่งรวมเป็นหนึ่งเดียวกันบรรดาสมาชิกมีชีวิตภายในด้วย การเทิดทูน และศรัทธาต่อดวงหทัยทั้งสองนี้ ตั้งแต่ในอดีตเป็นต้นมา ซึ่งเป็นการสืบทอดมาจากนักบุญจอห์น ยูดส์ และนักบุญมารีอา ยูเฟรเซีย เพเลทิเอร์
ไม้เท้าเป็นสัญลักษณ์แทนพรพิเศษของนายชุมพาบาล ซึ่งแสวงหาลูกแกะ คือ ข้อปฏิญาณข้อที่ 4 ความกระตือรือร้นที่จะนำวิญญาณให้รอด
กางเขนเป็นเครื่องหมายแห่งความรอด ให้แก่ผู้ที่ได้รับการอภัย และการรักษาจากพระชุมพาบาลผู้ใจดี นักบุญผู้ตั้ง คณะของเราเตือนสมาชิกของท่านเสมอว่า คณะของเรานั้นมีพื้นฐานอยู่ที่กางเขน และยังเป็นเครื่องหมาย ของข้อปฏิญาณ 3 ข้อ คือ ความนบนอบ ความยากจน และความบริสุทธิ์ ซึ่งองค์พระเยซูได้ทรงเป็นพระฉบับแบบ
พระพรพิเศษ
เราแสวงหาที่จะดำเนินชีวิตตามพระวรสารในจิตตารมณ์ของนักบุญมารีอา ยูเฟรเซีย ผู้ตั้งคณะ คือ การดำเนินชีวิตเป็นหนึ่งเดียวกับพระเยซูองค์พ ระศรีชุมพาบาล ผู้ทรงเรียกเราให้มาชิดสนิทกับพระองค์ และดำเนินชีวิตแห่งการไถ่กู้ ต่อจากพระองค์ในพระศาสนจักรโดยถือคติพจน์ที่ว่า "บุคคลเดียวมีค่ามากกว่าโลกทั้งโลก"
จิตตารมณ์ของคณะ
พระเยซูเจ้าเป็นจุดศูนย์กลาง ความศรัทธาต่อดวงหทัยของพระเยซูเจ้า และแม่พระ การแสวงหาน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้า และความกระตือรือร้น ที่จะนำวิญญาณให้รอด มาจากคำสอนของท่านนักบุญจอห์น ยูดส์ ความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ของนักบุญมารีอา ยูเฟรเซีย ในการร่วมงานไถ่กู้นี้ให้ได้ผลสำเร็จ เพราะท่านรักกางเขนและท่านมีความกระตือรือร้นที่จะนำวิญญาณให้รอด เพื่อพระเกียรติมงคลของพระเป็นเจ้า
ภารกิจ
พระศาสนจักร ได้มอบหมายให้เรามีส่วนในพันธกิจแห่งการกลับคืนดี หน้าที่นี้เรียกร้องให้เราตระหนักถึงตัวเราเองต้องทำการกลับใจอยู่เสมอ โดยการเป็นหนึ่งเดียวกับทุกๆ คน พยายามสู้กับบาปของเรา และความต้องการที่จะกลับคืนดีกับพระเป็นเจ้า เราเป็นพยานถึงพระเมตตารักของพระเป็นเจ้า พันธกิจของเรา คือ ประกาศข่าวแห่งการกลับคืนดีโดยตรง ต่อบุคคลที่ได้รับบาดแผล เพราะบาปและผลของมัน บุคคลเป้าหมาย คือ เด็กสาวและสตรีผู้ซึ่งอยู่ในสภาพแห่งการร้องขอการดูแลรักษา และความรอดซึ่งพระเยซูเจ้าพระองค์เดียวที่จะเป็นผู้ประทาน เราอุทิศตนเองต่อการดูแลรักษา ด้านชีวิตฝ่ายกาย และฝ่ายจิต ตลอดจนการพัฒนาคนทั้งครบ ให้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดครอบครัว และต่อสังคมที่เขาอยู่ เราตอบสนองต่อความต้องการในงานแพร่ธรรม อื่น ๆ ซึ่งเกี่ยวกับพันธกิจของเราโดยไม่เลือกชั้น วรรณะและศาสนา
ที่อยู่ในประเทศไทย
คณะภคินีศรีชุมพาบาล
4128/1 ซอยแม่พระฟาติมา ถนนดินแดง กรุงเทพฯ 10400
บ้านเจ้าคณะแขวง
โทรศัพท์ 0-2642-9971, 0-2642-9978
โทรสาร 0-2642-9977