-
Category: ต้นกำเนิด...เกิดตำนานสิ่งแรกในอดีต
-
Published on Friday, 30 October 2015 07:35
-
Written by หอจดหมายเหตุ
-
Hits: 34843
ก่อนที่จะใช้ “พุทธศักราช” ในวันนี้ ไทยเราเคยใช้ “มหาศักราช” และ “จุลศักราช” มาก่อน เช่นเดียวกับอาณาจักรใกล้เคียงในย่านนี้
“มหาศักราช” แพร่เข้ามาถึงไทยก่อนศักราชอื่น ปรากฏอยู่ในศิลาจารึกของกรุงสุโขทัยและศิลาจารึกของอาณาจักรใกล้เคียงในย่านนี้เป็นส่วนใหญ่ เข้าใจว่าไทยเราเลิกใช้ในปี พ.ศ. ๒๑๑๒ มหาศักราชตรงกับพุทธศักราช ๖๒๑ ใช้วันที่ ๒๙ มีนาคม เป็นวันขึ้นปีใหม่
ในสมัยพระเจ้าปราสาททอง ทรงชวนพม่าลบมหาศักราชออก ๓ ปี เปลี่ยนเป็น “ศักราชจุฬามณี” เพื่อลบปีที่มีคำทำนายว่าจะเกิดเหตุร้ายแต่พม่าไม่เล่นด้วยและไม่ได้รับความนิยมจึงกลับมาใช้จุลศักราชอย่างเดิมและใช้มาจนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์
“จุลศักราช” ที่ใช้ตัวย่อว่า “จ.ศ.” เป็นศักราชที่เริ่มเมื่อปีพุทธศักราช ๑๑๘๑ กำหนดวันที่ ๑๖ เมษายน เป็นวันขึ้นปีใหม่ ใช้มาตั้งแต่ปลายสมัยสุโขทัย ตลอดสมัยกรุงศรีอยุธยา และรัตนโกสินทร์
ในพงศาวดารของไทยที่บันทึกเป็นจุลศักราช จะพบว่ามีคำเรียกศกตามเลขท้ายของปีจุลศักราชเป็นภาษาบาลีไว้ด้วย คือ
ปีจุลศักราชที่ลงท้ายด้วยเลข ๑ เรียก “เอกศก”
ปีจุลศักราชที่ลงท้ายด้วยเลข ๒ เรียก “โทศก”
ปีจุลศักราชที่ลงท้ายด้วยเลข ๓ เรียก “ตรีศก”
ปีจุลศักราชที่ลงท้ายด้วยเลข ๔ เรียก “จัตวาศก”
ปีจุลศักราชที่ลงท้ายด้วยเลข ๕ เรียก “เบญจศก”
ปีจุลศักราชที่ลงท้ายด้วยเลข ๖ เรียก “ฉศก”
ปีจุลศักราชที่ลงท้ายด้วยเลข ๗ เรียก “สัปตศก”
ปีจุลศักราชที่ลงท้ายด้วยเลข ๘ เรียก “อัฐศก”
ปีจุลศักราชที่ลงท้ายด้วยเลข ๙ เรียก “นพศก”
ปีจุลศักราชที่ลงท้ายด้วยเลข ๑๐ เรียก “สัมฤทธิศก”
ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๕ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเห็นว่าควรจะใช้ศักราชแบบไทยจะเหมาะกว่า ทรงออกพระราชบัญญัติให้ใช้วันอย่างใหม่ ในวันที่ ๒๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๓๐ เลิกใช้จุลศักราช หันมาใช้ “รัตนโกสินทรศก” โดยให้ปี พ.ศ. ๒๓๒๕ ที่สร้างกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นรัตนโกสินทรศก ๑ หรือ ร.ศ. ๑ แต่ในทางพุทธศาสนาให้ใช้ “พุทธศักราช” หรือ “พ.ศ.” ตามแบบธรรมเนียมที่ใช้มาแต่กรุงศรีอยุธยา
พระบรมราชานุสาวรีย์ ร. ๖
ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๖ ทรงมีพระราชดำริว่า
“...ศักราชรัตนโกสินทร์ที่ใช้อยู่ในราชการเดี๋ยวนี้ มีข้อบกพร่องสำคัญอยู่ คือเป็นศักราชที่สั้นนัก จะกล่าวถึงเหตุการณ์ใดๆในอดีตภาคก็ขัดข้อง ด้วยว่าพอกล่าวถึงเรื่องราวที่ก่อนสร้างกรุงขึ้นไปแล้ว ก็ต้องหันไปใช้จุลศักราชบ้าง มหาศักราชบ้างและข้างในวัดใช้พุทธศักราช ฝ่ายคนไทยสมัยที่อยากจะกล่าวถึงเหตุการณ์อันมีมาก่อนสร้างกรุงรัตนโกสินทร์นี้ ก็มักหันไปใช้คฤสตศักราช ซึ่งดูเปนการเสียรัศมีอยู่ จึงเห็น ว่าควรใช้พุทธศักราชจะเหมาะดีด้วยประการทั้งปวงเปนศักราช ที่คนไทยเราซึมทราบดีอยู่แล้วทั้งในประกาศใช้พุทธศักราชอยู่แล้วและอีกประการ ๑ ในเวลานี้ก็มีแต่เมืองเดียวที่มีพระเจ้าแผ่นดินถือพระพุทธศาสนา...” จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เริ่มใช้พุทธศักราช เป็นศักราชในทางราชการมาตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๕๖