การเดินทางของพระสังฆราชแห่งเบริธ จากเมืองฮิสปาฮามจนถึงเมืองโกเมรอน

  • Print

เขียนโดย   บาทหลวง ฌอง เดอ บูรซ์ (Jean de Bourges)

 

ตามที่ได้ตกลงกันไว้ว่าจะเดินทางต่อไปจนถึงประเทศจีนโดยผ่านทางเมืองโกเมรอน สุหรัต มาสุลีปาตันและตะนาวศรี เราจึงออกจากเมืองปาฮิสปาฮามพร้อมนายตำรวจของอังกฤษ และมาถึงเมืองซีราส เมื่อ วันที่ ๘ ตุลาคม  โดยเดินทางช่วงกลางคืนตลอด มี ๒ สิ่งที่ทำให้เราต้องทนทรมานอย่างที่สุดคือ ความหนาวเย็นในช่วงกลางคืนจนสามารถทำให้น้ำในขวดเป็นน้ำแข็งได้ ประการหนึ่ง และความร้อนที่เหลือจะทนได้ในช่วงกลางวันอีกประการหนึ่ง ตามเส้นทางที่เราต้องล่องลงอยู่ตลอดเวลานี้ จะมีแต่ภูเขาสูงชันมากกว่าปกติ โดยเฉพาะตอนกลางคืน เราต้องระวังมิให้ตกลงไปได้ เราหยุดพักที่ซีราสเป็นเวลา ๔ วัน และในวันที่ ๒๐ เราก็มาถึงลารา หลังจากหยุดพักที่นี่ ๑ วัน เราก็ออกเดินทางจนถึงเมืองโกเมรอน เมื่อ วันที่ ๓๐ เดือนเดียวกัน เส้นทางช่วงนี้เราใช้เวลาเดินเท้า ๓๐  วันและหยุดพัก ๕ ครั้ง

เส้นทางจากมืองฮิสปาฮามถึงโกเมรอน ค่อนข้างราบเรียบและสะดวกกว่าการเดินทางเข้าไปในเปอร์เซีย เนื่องจากมีนายตำรวจอังกฤษเดินทางมาด้วย เราจึงไม่ต้องกังวลใจกับภาษีด่านขนอนทั้งหลายเลย นายตำรวจอังกฤษผู้นี้ดูแลเราเป็นอย่างดี และเราเองก็ไม่อาจปฏิเสธอัธยาศัยอันดีนั้นได้ ทุกๆ คืน เราเข้าพักในที่พักแรมเฉพาะของเมืองนี้ ซึ่งเรียกว่า คาราวานส์ มีลักษณะเป็นห้องโถงใหญ่ ที่แบ่งย่อยเป็นห้องนอนเล็กๆ หลายห้อง ภายในนั้นไม่มีอะไรเลยนอกจากช้อนส้อมและสิ่งที่เรานำไปเท่านั้น ชาวเปอร์เซียชอบสร้างคาราวานส์อยู่ทุกหนแห่ง บ่อยครั้งที่ก่อนตายพวกเขาจะบริจาคเงินสร้างคาราวานส์ใหม่ขึ้นหรือซ่อมแซมของเก่าเป็นการทำทาน

ประโยชน์อีกอย่างของการมีนายตำรวจอังกฤษมาด้วยในครั้งนี้คือ เราไม่ต้องหวาดกลัวเรื่องขโมยเลย เป็นความจริงที่ว่าเปอร์เซียวางกฎเกณฑ์นี้ไว้ดีมาก บรรดาเจ้าผู้ปกครองนครสอดส่องและกวาดล้างการลักขโมยทุกชนิดที่อาจเกิดขึ้นได้ในท้องถิ่นของตน และเราก็ได้เห็นประจักษ์แล้วระหว่างการเดินทาง คือมีชาวโปรตุเกสคนหนึ่งที่รู้ระเบียบของดินแดนแห่งนี้ดีถูกขโมยสิ่งของไปขณะเดินทางจากหมู่เกาะอินเดียมาเมืองฮิสปาฮาม เขาจึงเข้าขอความช่วยเหลือจากเจ้าผู้ครองนครซึ่งเพียงแต่พูดจาไพเราะด้วยเท่านั้น ชาวโปรตุเกสผู้นี้จึงอุทธรณ์เรื่องนี้ต่ออัครมหาเสนาบดี ซึ่งได้มีคำสั่งให้เจ้าผู้ครองนครผู้ซึ่งไม่สนใจค้นหาตัวขโมยกำนัลชายผู้นี้ด้วยม้างาม ๆ ๒ ตัว

ลารา หรือ ลาร์ เป็นเมืองใหญ่แห่งหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นอย่างดี มีกำแพงแข็งแรง ตั้งอยู่บนยอดเขา มีร้านเล็กๆ ขายของเบ็ดเตล็ดรวมกลุ่มกันเป็นตลาดนักหรือที่เรียกว่า บาซาร์ ที่มีชื่อเสียงหนึ่ง บาซาร์แห่งนี้สร้างอย่างดีมากซึ่งในฝรั่งเศสไม่มีเหมือน คือ สร้างด้วยอิฐ มีถนนแยกซอยออกไปเป็นตอนๆ ถนนเหล่านี้สวยงามมากเป็นทางตรง ติดไฟสว่างไสวและมีซุ้มประตูโค้งตลอดแนว กลายเป็นที่รวมของพ่อค้าที่อยู่บริเวณใกล้เคียง อีกทั้งผลไม้จำนวนมากด้วย อย่างไรก็ตามน้ำในเมืองนี้สกปรกมาก ก่อให้เกิดการเน่าเปื่อยของสิ่งต่างๆ และโรคภัยร้ายแรงที่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้ มีการแจกจ่ายน้ำสกปรกนี้ไปไกลจนเกือบถึงเมืองโกเมรอน ในน้ำมีพยาธิบางชนิดตัวยาวมากผิดปกติ ซึ่งจะเจาะไชเข้าไปในขาอ่อนและน่องได้ โดยมันมักหลบซ่อนอยู่ในเนื้อและรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อน เมื่อสังเกตเห็นพวกเขาจะกรีดเนื้อบริเวณนั้นออกและจะเห็นพยาธิโผล่ออกมา ใช้ไม้แฉกคีบพยาธิออกแล้วพลิกตัวพยาธิหงายขึ้น บางวันขณะที่ผ่าตัวพยาธิอยู่ จะเห็นว่ามันมีขาถึง ๖ ขา อย่างไรก็ตามหากตัวพยาธิขาดขณะที่คีบออกมา ส่วนที่เหลืออยู่ในเนื้อจะทำให้แผลเกิดเน่าเปื่อยเป็นอันตรายได้ วิธีป้องกันคือ ดื่มเหล้าหรือไม่ดื่มน้ำเลย และระวังอย่าให้น้ำสกปรกนั้นถูกเสี้อผ้า

นายตำรวจอังกฤษยังคงรักษาความเป็นผู้มีมารยาทดี มีน้ำใจและเป็นมิตรกับเราอีกด้วย ให้เราเข้าพักงงอยู่ที่บ้านของบริษัทแห่งอังกฤษ เราพักอยู่ที่นี่ตลอดช่วงที่อยู่ที่เมืองโกเมรอน โดยได้รับอนุญาตให้ปฏิบัติกิจทางศาสนาทุกอย่างได้ แม้แต่การประกอบพิธีมิสซา ในวันฉลองต่างๆ ที่ครอบครัวคาทอลิกบางครอบครัวมาร่วมด้วย เรารู้สึกยินดีที่ได้สั่งสอนคนหนึ่งอายุ ๑๔-๑๕ ปี และทำพิธีโปรดศีลล้างบาปให้ข้าพเจ้าจะพูดสั้นๆ กับบรรดามิชชันนารีว่าเป็นความจริงที่ว่า ชาวอังกฤษมีนิสัยชอบช่วยเหลือและสุภาพ แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นคนที่น่ารำคาญด้วย เมื่อพยายามจะชักชวนใครให้ดื่มเหล้าจนทำให้ผู้นั้นไม่กล้าปฏิเสธได้ แต่เรารู้ว่าพวกเขาให้เกียรติและยกย่องคนที่ปฎิเสธตนมากกว่า ความสนุกสนานของพวกเขาคือ การทำให้คนๆ หนึ่งยอมดื่มเหล้าด้วยโดยง่ายและเยาะเย้ยคนๆ นั้นภายหลัง เมืองโกเมรอนมีผู้คนจากทุกศาสนามาตั้งภูมิลำเนาอยู่ อากาศที่นี่แย่มากจนอาจเรียกได้ว่าเป็นที่ฝังศพของชาวยุโรป เพราะแม้จะอยู่ในช่วงเดือนพฤศจิกายน แต่อากาศก็ร้อนจัดจนเหงื่อโทรม ชาวฮอลันดาจะไปจากเมืองนี้ในช่วงฤดูร้อนและมุ่งสู่เมืองลารา ที่ซึ่งพวกเขามีบ้านพักสวยงามอยู่   ซึ่งเราก็เคยได้พักมาแล้วขณะเดินทางผ่าน

ข้าพเจ้ารู้สึกแปลกใจว่าขณะอยู่ใต้เส้นศูนย์สูตรและดวงอาทิตย์ส่องตรงศีรษะ  แต่อากาศดีกว่าและร้อนน้อยกว่าขณะอยู่ริมฝั่งอ่าวเปร์เซียมาก ซึ่งที่นั่นบางครั้งมีลมร้อนพัดจนทำให้รู้สึกอึดอัดและหายใจไม่ออก ดังนั้นผู้ที่คิดว่า เขตร้อนจัดไม่มีใครอาศัยอยู่นั้น นับว่าเป็นการเข้าใจผิดอย่างมากทีเดียว เนื่องจากพวกนี้ไม่รู้ถึงความลึกลับแห่งปัญญาของพระผู้สร้างโลก ผู้ซึ่งทำให้ส่วนนี้ของโลกได้ โดยไม่มีกลางคืนที่ยาวนาน ความสดชื่นของน้ำค้าง ลมเย็นที่พัดเอื่อยๆ บ่อน้ำพุมากมายและกลุ่มเมฆที่บดบังแสงอาทิตย์ ในที่สุดดินแดนส่วนนี้จึงกลายเป็นที่อยู่ของมวลมนุษย์ได้ จะสังเกตได้ว่า ความร้อนมากหรือน้อยที่สุดไม่ได้ขึ้นอยู่กับการอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์หรือไม่ แต่ขึ้นอยู่กับที่ตั้งของดินแดนนั้น ลักษณะของภูเขา คุณภาพของดิน และลมที่พัดประจำฤดูกาล ความต้องการบางอย่างของเราก็คือ หนีให้พ้นจากอากาศอันเลวร้ายของเมืองโกเมรอน เราสามารถออกเดินทางได้ในวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน เท่านั้น

ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเดินทางไปเมืองโกเมรอนเพื่อลงเรือต่อไปยังเมืองสุหรัตคือ ช่วงตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนจนถึงต้นเดือนมีนาคม เรารู้ดีว่าผู้ที่จะเดินทางในช่วงนี้จะไม่สามารถไปถึงเมืองบัฟฟอรา เมื่อสบโอกาสลงเรืออังกฤษหรือของชาติอื่นๆ ต่อไปยังสุหรัตได้ในเดือนตุลาคม อันเนื่องมาจากอุปสรรคบางอย่าง แต่พวกเขาอาจไม่ทำเช่นนั้นเลยก็ได้ เพราะมักมีเรือของพวกมัวร์และพวกนอกศาสนาล่องจากเมืองบัฟฟอราไปโกเมรอนและโดยเฉพาะไปที่เมืองบันเดอรี(Banderric) อยู่ตลอดเวลา รวมทั้งเมืองเดอร์คองโก (Bandercongo) ด้วย ซึ่งเมืองท่า ๒ แห่งสุดท้ายนี้เรามีโอกาสเดินทางต่อไปเมืองโกเมรอนได้เสมอ จริงอยู่ว่าไม่สะดวกสบายและปลอดภัยเท่าไปกับเรือของอังกฤษ และทุกคนก็แนะนำให้เรายับยั้งการเดินทางเสีย อย่างไรก็ตามเนื่องจากเคยทดลองเดินเรือกับบุคคลเหล่านี้แล้ว เราจึงเชื่อว่าสามารถใช้บริการของเรือพวกมัวร์ได้ ในกรณีที่พลาดเรือของอังกฤษ

ค่าใช้จ่ายเรื่องการเดินทางในเปอร์เซียนั้นถูกมาก สำหรับค่าส่งของเราจ่ายไปเพียง ๑๐๐ แม็ง ซึ่งมีน้ำหนักเท่ากับ ๕๕๐ ของน้ำหนักแบบฝรั่งเศส และจากเมืองฮิสปาฮามจนถึงโกเมรอน เราจ่ายเพียง ๑๐ เปียสต์โดยไม่ต้องเสียค่าอาหาร ฬ่อ และคนคุมฬ่อ  คนที่เดินไปพร้อมกับฬ่อหรือขึ้นขี่ฬ่อ  ที่บรรทุกขอไว้ครึ่งหนึ่ง จะต้องจ่าย ๓๐ แม็ง แต่ถ้าต้องการซื้อฬ่อไว้เป็นของตนเองต้องจ่าย ๖๐ หรือ ๗๐ แม็ง  ซึ่งมีค่าประมาณ ๑๔ เปียสต์ สำหรับอาหารนั้นราคาพอประมาณ เพราะเราต้องพอใจกับการได้กินข้าว ผลไม้ ผักหญ้า  โดยอาจมีโอกาสกินสัตว์ปีกหรือเนื้อแกะและแพะ ๒-๓ ชิ้น บ้างเป็นครั้งคราว

ในการผ่านเมืองโกเมรอนมาสุหรัต เราจ่ายเงินไปหัวละ ๑๕ เปียสต์ นอกจากนี้ตามประเพณีของท้องถิ่นแล้ว เรายังต้องจ่ายค่าที่ในเรือ ๖๐ เปียสต์สำหรับเรา ๔ คนและอีก ๒๑ เปียส์สำหรับเป็นค่าที่   ผู้ที่มาภายหลังก็ต้องเจรจาตกลงกับกัปตันเรือเช่นเดียวกันก่อนที่จะลงเรือได้

นายตำรวจอังกฤษยังคงปฏิบัติต่อเราด้วยดีเยี่ยงสุภาพชน และพระสังฆราชแห่งเบริธเองก็ลำบากใจในการทำให้เขายอมรับของกำนัลที่ท่านต้องการมอบให้

ระหว่างทางมาจนถึงเมืองสุหรัต เราได้เห็นการแสดงอย่างหนึ่งที่ทำให้เราหัวเราะไม่ออก นอกจากรู้สึกเวทนาความซื่อและการเชื่อโชคลางอย่างงมงายของคนนอกศาสนาคนหนึ่ง เนื่องจากกฎหมายรังเกียจที่เขาจับต้องเนื้อหมูที่ทหารเรืออังกฤษผู้หนึ่งโยนใส่หน้าเขาอย่างสบประมาท ชายน่าสงสารผู้นี้จึงเชื่อว่าตนได้รับความมัวหมอง ฐานอาชญากรร้ายแรง ฉะนั้นเขาจึงปรารถนาอย่างยิ่งที่จะกระโจนลงสู่ทะเลให้เร็วที่สุด เพื่อใช้โทษและล้างความมัวหมองนี้ แต่ก็ถูกขัดขวาง นักกฎหมาย ขอให้เขาราดน้ำหลายๆ ถังบนศีรษะเป็นการทดแทนได้ เพื่อลบล้างความด่างพร้อยและความอับอายที่ได้รับ พวกทหารเรืออังกฤษก็เข้าไปร่วมมือด้วย เป็นเวลานานแล้วที่ไม่เคยเลยที่คนเราจะได้รับการชำระร่างกายและจิตใจได้สะอาดถึงเพียงนี้.