คุณพ่อ มาร์แชล โยเซฟ หลุยส์ มารี เปร์เรย์

  • Print
 
 
คุณพ่อ มาร์แชล โยเซฟ หลุยส์ มารี เปร์เรย์
 
FERRAY
 
 
คุณพ่อ มาร์แชล โยเซฟ หลุยส์ มารี เปร์เรย์ เกิดวันที่ 22 กันยายน ค.ศ. 1923  ที่หมู่บ้านบัวโบติเยร์ (Bois Beautier) ตำบลแตแยร์ (Teille) ห่างจากเมืองนังเตอ (Nantes) 30 กิโลเมตร  บิดาชื่อมาร์แซล เปแรย์ มารดาชื่อ หลุยส์เซอกอติโน มีอาชีพเป็นชาวนา คุณพ่ออายุได้ 1 ปี มารดาก็ถึงแก่กรรม ต่อมาอีก 2 ปี บิดาได้สมรสใหม่ มีบุตรชาย 5 คน และบุตรสาว 3 คน 
 
ปี ค.ศ.1932 คุณพ่อได้ย้ายจากหมู่บ้านโบติแยร์ไปอยู่ที่หมู่บ้านลายูซีแอร์ ห่างจากที่เดิม    7  กิโลเมตร
 
คุณพ่อเรียนจบชั้นประถมศึกษาในปี ค.ศ. 1936 เมื่อบิดาของคุณพ่อได้ถึงแก่กรรมในปี ค.ศ.1937  คุณพ่อก็ได้มาอยู่ที่บ้านของคุณยายและคุณลุง คุณลุงของคุณพ่อมีอาชีพเป็นผู้ประเมินราคาที่ดินของชาวนาและชาวสวนองุ่น ระหว่างสงครามคุณพ่อได้ทำงานอยู่ที่สหกรณ์ของชาวนา ซึ่งมีสาขาอยู่ในตำบลแตแยร์ และในเวลาเดียวกันคุณพ่อได้เรียนวิชาเกษตรศาสตร์จนสำเร็จ
 
สิ้นเดือนเมษายน ค.ศ.1945  คุณพ่อถูกระดมเป็นทหาร แต่โชคดีที่ 15 วันต่อมาสงครามเลิกพอดี คุณพ่อจึงไม่ต้องออกรบ
 
เดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ.1946  ทางการปลดคุณพ่อจากการเป็นทหาร คุณพ่อจึงเตรียมตัวไปบ้านเณรเล็กของสังฆมณฑลนังเตอ คุณพ่อทราบข่าวมาว่า บ้านเณรเล็ก ตำบลเลอเจ (Lege) นี้รับแต่ผู้มีอายุเกิน 16 ปี ซึ่งก็เป็นจริง ส่วนพวกเณรที่เป็นเด็กของบ้านเณรแห่งนี้ต้องอยู่ต่างหาก  มีอธิการ คนเดียวกัน แต่มีอาจารย์แผนกเณรเด็กโดยเฉพาะ คุณพ่อบริสซอง (ที่ประจำวัดสามเสน) ก็เรียนจบจากบ้านเณรแห่งนี้ แต่เป็นรุ่นก่อนคุณพ่อ ที่บ้านเณรเลอเจนี้ สอนหนักไปทางภาษาลาตินและฝรั่งเศส วิชาอื่นๆ เช่น เคมี คณิตศาสตร์ ไม่ถือว่าสำคัญมาก แต่ถือว่าความประพฤติและระเบียบวินัยอย่างเคร่งครัดสำคัญมากกว่า อาจารย์ได้ชี้แจงให้ทราบว่าบ้านเณรต้องการผลิตพระสงฆ์ที่รู้หน้าที่รับผิดชอบโดยไม่ต้องมีผู้ควบคุม
 
ปี ค.ศ.1950 คุณพ่อออกจากบ้านเลอเจ เพื่อไปเรียนต่อที่บ้านเณรแลคูแอต์ (N.D. Les Couets) แถบเมืองนังเตออีก 1 ปี เพื่อเรียนวิชาปรัชญา
 
ปีต่อมา คุณพ่อสอบวิชาครูและได้เข้าเรียนที่บ้านเณรใหญ่เมืองนังเตอ ใน ปี ค.ศ.1952  พระสังฆราชยอแซฟวีลเปอแล อนุญาตให้คุณพ่อไปบ้านเณรของมิสซังต่างประเทศ ณ กรุงปารีส โดยไม่ต้องทดลอง 1 ปี ตามระเบียบที่วางไว้ คุณพ่อได้เรียนที่บ้านเณรใหญ่บีแอว์เธอ  เมืองปารีส 1 ปี และ 3 ปี สุดท้ายได้ไปเรียนวิชาเทววิทยาที่ 128 รืดืบัก (rue du Bac) ปารีส จนได้เป็นสังฆานุกรในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ.1956  พระสังฆราชวีลเปอแล อนุญาตให้พระสังฆราชเดอรูอิโน อดีตอัครสังฆราชแห่งกุงมิง  ประเทศจีน  ทำพิธีโปรดศีลบวชให้คุณพ่อ ในวันที่  8  กรกฎาคม ค.ศ.  1956  ณ วัดเดียวกันกับที่คุณพ่อรับศีลล้างบาป เมื่อ 33 ปีก่อน
 
อาทิตย์ก่อนที่คุณพ่อจะบวช คุณพ่อเจ้าวัดของคุณพ่อได้ฉลอง 50 ปี ของการบวชเป็นพระสงฆ์ของท่าน และปีแอร์ กับโกลด์ ราแปง สองพี่น้องจากตำบลบูแปร์ ก็ได้รับศีลบวชเป็นพระสงฆ์จากพระสังฆราชองค์เดียวกัน คุณพ่อปีแอร์ ราแปง ได้ไปอยู่ประเทศเขมร คอมมิวนิสต์เขมรได้สังหารท่านในปี ค.ศ.1973  ส่วนคุณพ่อโกลด์ ราแปง ซึ่งพวกเรารู้จักดี ก็เคยอยู่วัดกาลหว่าร์  วัดแม่พระประจักษ์ บางขุนเทียน
 
ปลายเดือนกันยายน ค.ศ.1956 คุณพ่อลงเรือที่ท่าเรือมาร์แซล (Marseille) มาถึงกรุงเทพฯ วันที่ 19 ตุลาคม คุณพ่อไปเรียนภาษาไทยที่โรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา ที่บ้านของยูเวนิสต โดย บราเดอร์ ลูโดวิโก เป็นอธิการและเป็นอาจารย์ด้วย ต่อมาเดือนมีนาคม ค.ศ.1957  คุณพ่อได้มาอยู่ที่วัดกาลหว่าร์ชั่วคราว เพื่อเตรียมไปอยู่วัดหัวตะเข้  ซึ่งเป็นสาขาของวัดกาลหว่าร์  คุณพ่ออยู่วัดหัวตะเข้ 1 ปี ต่อมาเมื่อคุณพ่อมัลแซรต์มาเรียนภาษาจีนที่วัดกาลหว่าร์ คุณพ่อได้ไปแทนท่านที่วัดโนนแก้ว ต่อมาอีก 6 เดือน คุณพ่อต้องกลับมาวัดกาลหว่าร์อีก ปี ค.ศ. 1960   คุณพ่อถูกเรียกตัวไปอยู่ที่วัดนักบุญนิโคลัสพิษณุโลก 9 เดือน  หลังจากนั้นก็กลับมาอยู่ที่วัดกาลหว่าร์อีก
 
ปี ค.ศ.1961  คุณพ่อได้รับอนุญาตจากพระสังฆราชโชแรง ให้ไปดูแลคริสตังที่สะพานใหม่
 
ปลายปี ค.ศ.1964  คุณพ่อไปพักผ่อนที่ประเทศฝรั่งเศส เมื่อกลับมาจากฝรั่งเศสใน ปี ค.ศ.1965 คุณพ่อต้องรับหน้าที่เป็นเหรัญญิกของคณะที่บ้านเจ้าคณะ เลขที่ 254 ถนนสีลม และ  ปี ค.ศ. 1967  คุณพ่อกลับมาอยู่ที่วัดกาลหว่าร์อีก ครั้งนี้มีหน้าที่ดูแลคริสตังที่รังสิต พระสังฆราชยวง นิตโย ได้ให้เงินสร้างบ้านที่พอจะใช้เป็นวัดน้อยได้ ในวันที่ 1 สิงหาคมค.ศ.1969  คุณพ่อได้ประกอบพิธีมิสซาที่วัดน้อยรังสิตเป็นครั้งแรก
 
คุณพ่อทำหน้าที่ปลัดที่วัดแม่พระลูกประคำ กาลหว่าร์ ตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม ค.ศ. 1960  จนถึงวันที่ 16 ธันวาคม ค.ศ. 2005  รวมเวลา 45 ปี มีคุณพ่อเจ้าอาวาสทั้งหมด 12 องค์ ด้วยกัน ตลอดระยะเวลา 45 ปีที่ผ่านมานี้ คุณพ่อได้ทำหน้าที่ดูแล บัญชีศีลศักดิ์สิทธิ์ของวัด  บัญชีการเงินของวัด และมีหน้าที่พิเศษดูแลคนยากจนที่มาขอให้ทางวัดช่วยเหลือ คุณพ่อทำหน้าที่เหล่านี้ด้วยความรัก และเอาใจใส่อย่างมากที่สุด หน้าที่พิเศษอีกประการหนึ่งได้แก่ หน้าที่ฟังแก้บาป   คุณพ่อชอบฟังแก้บาปและทำหน้าที่นี้ด้วยความรักจริงๆ คุณพ่อพร้อมเสมอที่จะฟังแก้บาป ทั้งคนไทยคนจีน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งฟังแก้บาปพระสงฆ์ทุกครั้งที่มีการเข้าเงียบของพระสงฆ์ ครั้งหนึ่งคุณพ่อเตรบาออล เจ้าคณะมิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีส ได้ถามคุณพ่อเปแรย์ว่า “คุณพ่อคิดว่า คุณพ่อยังมีประโยชน์ต่ออัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ อยู่หรือไม่?” คุณพ่อเปแรย์ ตอบว่า  “ผมไม่ทราบ  แต่เวลาที่ผมไม่ได้เข้าเงียบที่สามพราน พวกเขาก็ส่งรถมารับผมไปเพื่อฟังแก้บาป”  จะมีสิ่งอื่นใด ที่มีค่ายิ่งกว่านี้อีก คุณพ่อเตรบาออล ยังได้กล่าวอีกว่า  คุณพ่อและสมาชิกของคณะกำลังเตรียมจัดงานฉลองครบ 50 ปี บวชเป็นพระสงฆ์ให้แก่คุณพ่อเปแรย์ ซึ่งจะครบในวันที่ 8 กรกฎาคม ค.ศ. 2006  นี้  พระเจ้าทรงเห็นว่า สมควรให้คุณพ่อได้ไปฉลองกับพระองค์ ในสวรรค์ คุณพ่อจากพวกเราไปอย่างเงียบๆ คุณพ่อสุรสิทธิ์ ชุ่มศรีพันธุ์ เจ้าอาวาส  เห็นว่า คุณพ่อยังไม่ได้ลงไปทานอาหารเช้าวันศุกร์ที่ 16 ธันวาคม ค.ศ. 2005  จึงขึ้นไปดูที่ห้องนอน  ก็พบว่าคุณพ่อไม่รู้สึกตัวแล้ว ทางโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ได้มารับตัวคุณพ่อไปโรงพยาบาล และแจ้งกลับมาในวันนั้นว่า  คุณพ่อได้เสียชีวิตแล้ว
 
คุณพ่อเจ้าอาวาสซึ่งเคยอยู่กับคุณพ่อที่วัดกาลหว่าร์ ต่างได้เขียนคำไว้อาลัยถึงคุณพ่ออย่างน่าฟัง ทำให้เรารู้จักคุณพ่อมากขึ้น ทุกองค์พบคุณพ่อว่าเป็นพระสงฆ์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ และเป็นพระสงฆ์ผู้มีชีวิตเรียบง่าย
 
ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 16 ธันวาคม จนถึงวันจันทร์ที่ 19 ธันวาคม ค.ศ. 2005  มีพิธีสวดภาวนาอุทิศแด่คุณพ่อที่วัดกาลหว่าร์ และมีมิสซาอุทิศแด่คุณพ่อทุกคืน ในวันอังคารที่ 20 ธันวาคม ค.ศ.2005  พระคาร์ดินัล ไมเกิ้ล มีชัย กิจบุญชู  เป็นประธาน พิธีปลงศพ ที่วัดนักบุญเปโตร สามพราน  เวลา 10.00 น. ท่ามกลางบรรดาพระสงฆ์และสัตบุรุษจำนวนมาก