เรื่องราวการปฏิบัติภารกิจของเราในกรุงสยามจนถึงการออกเดินทางของพระสังฆราชแห่งเบริธไปเมืองกวางตุ้ง

 เขียนโดย บาทหลวง  ฌอง เดอ บรูช์   (Jean de Bourges)

 

เนื่องจากเราคิดแต่เพียงการลงเรือ ไปยังดินแดนมิสซังของเราให้เร็วที่สุดยิ่งได้พบกับท่าทีของชาวโคจินจีนเกี่ยวกับการเข้านับถือพระศาสนา เราก็ยิ่งรู้สึกต้องการจะเข้าไปในประเทศของพวกเขามากยิ่งขึ้น ในขณะนั้นเอง เราก็ได้รับทราบจากพ่อค้าขาวคริสต์หลายคนที่มาจากเมืองตะนาวศรี และได้ออกเดินทางจากเมืองมาสุลีปาตันเมื่อเดือนกันยายนว่า พวกเขาได้ทั้งบาทหลวงชาวฝรั่งเศสจำนวนหนึ่งไว้ที่เมืองมาสุลีปาตัน และพระสังฆราชองค์หนึ่งได้ถึงแก่มรณภาพที่เมืองนี้ นอกจากนี้บรรดาบาทหลวงเหล่านั้นก็กำลังจะออกเดินทางไปยังเมืองตะนาวศรี บรรดาพ่อค้าเหล่านี้ได้บอกข่าวคราวต่างๆ นี้ให้เราทราบอย่างละเอียดจนเราเชื่อ เรื่องนี้ทำให้เราพิจารณากันว่าขณะนี้เราไม่เคยได้รับจดหมายแม้แต่ฉบับเดียวจากเพื่อนๆ ของเราที่สัญญาไว้ว่าจะเขียนมาถึงเรา และเรายังมีเวลาเหลือพอที่จะไปเมืองตะนาวศรี เพื่อสืบหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับรายงานที่เราได้รับมา ทุกคนเห็นว่าจะต้องส่งคนไปที่นั่นเป็นกรณีพิเศษ ข้าพเจ้าได้รับมอบหมายจากท่านสังฆราชแห่งเบริธให้เดินทางไปเมืองตะนาวศรีโดยเร็ว ข้าพเจ้าเดินทางไปถึงที่นั้นภายในเวลา ๒๐ วัน และในช่วงเวลา ๒-๓ วัน ข้าพเจ้าต้องทนทรมานกับชาวโปรตุเกสผู้หนึ่งพอประมาณ เนื่องจากเขาพยายามขัดขวาง    มิให้โอราต้า (I’Orata ซึ่งเป็นผู้ทำหน้าที่เป็นล่ามให้กับชาวต่างชาติ) ส่งใบเบิกทางให้กับข้าพเจ้า ความตั้งใจของเขา คือ ทำให้ข้าพเจ้าไม่สามารถตามไปสมทบกับท่านสังฆราชแห่งเบริธได้ทันเวลา เพื่อติดตามท่านต่อไปในระหว่างการเดินทางไปกวางตุ้ง เมืองท่าแห่งแรกของจีน อย่างไรก็ตามข้าพเจ้าก็ได้รับสิ่งที่ข้าพเจ้ายื่นขอ และข้าพเจ้าก็บังคับให้ชาวโปรตุเกสผู้นี้คืนเอกสารต่างๆ ของท่านสังฆราชที่เขาอยากยึดไว้

ในระหว่างที่ข้าพเจ้าไม่อยู่ คนอื่นๆ ก็ดำเนินการสอนศาสนาต่อไป และได้ทำให้ฝูงชนกลุ่มเล็กๆ ที่พระญาณสอดส่องของพระเป็นเจ้ามอบให้เราได้กลับใจเปลี่ยนศาสนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้ดึงหญิงนอกศาสนา ๒ คน ขึ้นมาจากความหลงผิด ซึ่งตลอดเวลากว่า ๔ เดือน เราไม่สามารถเอาชนะใจเธอทั้งสองได้ ทั้งสองได้ประกาศอย่างโจ่งแจ้งว่า แม้เธอจะยอมรับว่าศาสนาคริสต์เป็นศาสนาที่แท้จริง แต่ถึงกระนั้นเธอก็พอใจเผชิญกับการถูกลงโทษให้ตกนรกมากกว่าเข้านับถือศาสนาคริสต์ อย่างไรก็ตาม พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นผู้พิชิตใจของมนุษย์ทั้งหลายได้ทำให้เธอทั้งสองยอมแพ้อย่างราบคาบต่อพระอิทธิฤทธิ์ของพระองค์

หนึ่งในสองคนนี้ได้แต่งงานกับชายที่เพิ่งเข้ามานับถือศาสนาของเราคนหนึ่ง และได้ล้มป่วยเป็นไข้ต่อเนื่องกัน มิชชันนารีคนหนึ่งได้ไปเยี่ยมเพื่อแสดงให้เห็นว่าท่านก็ร่วมเป็นทุกข์ในการเจ็บป่วยของเธอและยังได้มอบสิ่งของที่อยู่ในความดูแลของท่านให้ด้วย มิชชันนารีท่านนี้ได้แสดงให้เธอเห็นถึงภยันตรายซึ่งเธอจะต้องเผชิญกับความตายทั้งในโลกนี้และชั่วกัลปาวสาน และได้ตักเตือนไม่ให้เธอกระด้างกระเดื่องยิ่งขึ้นไปอีก ต่อแรงบันดาลใจของพระเป็นเจ้า ถ้าเธอต้องการให้สัญญาว่าจะหันมานับถือศาสนาคริสต์ ท่านก็จะมอบวิธีรักษาโรคให้ ซึ่งเมื่อบวกกับความช่วยเหลือของพระเป็นเจ้าด้วยแล้วจะช่วยทำให้เธอหายป่วยได้ เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ผู้หญิงผู้นี้ไม่คัดค้านสิ่งที่มีผู้บอกเล่ากับเธออย่างชัดแจ้งอีก วันรุ่งขึ้นเราก็ได้ส่งยาชนิดหนึ่งเท่าเมล็ดถั่วไปให้ เมื่อทานแล้วไข้ของเธอก็สร่างไป วันต่อมาบาทหลวงอีกองค์หนึ่งได้ไปเยี่ยมเธอ และโดยที่ท่านไม่ต้องแสดงโวหารใดๆ ให้ยืดยาว หญิงผู้นี้ก็บอกให้ท่านทราบว่าเธอได้ตัดสินใจแน่วแน่ที่จะเข้าเป็นคริสต์แล้ว ซึ่งเธอก็เข้านับถือศาสนาคริสต์ด้วยความจงรักภักดียิ่ง การกลับใจครั้งนี้ทำให้ชาวโคจินจีนที่เป็นคริสต์ทุกคนรู้สึกปิติยินดี และบรรดามิชชันนารีทั้งหลายก็มีความมั่นใจมากขึ้น ราว ๑๕ วันต่อมา หญิงอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นหม้ายและยึดมั่นอยู่กับการถือโชคลางตามแบบฉบับคนนอกศาสนา ก็มาประกาศให้รู้ว่า พระเป็นเจ้าทรงทำให้เธอเกิดความเลื่อมใสศรัทธาขึ้น เธอรู้สึกเกลียดชังพวกนิยมบูชารูปเคารพ และการถือโชคลางที่เลวร้ายทุกชนิด เธอต้องการเข้าถือศาสนาของพระเป็นเจ้าที่แท้จริง ความปิติยินดีที่เราได้รับจากการกลับใจของหญิงทั้ง ๒ รายนี้ ตามมาด้วยความยินดีในอีกเรื่องหนึ่งด้วย ซึ่งเนื่องมาจากการกลับมาของชาวโคจินจีนราว ๒๐๐ คน ที่ถูกเกณฑ์ไปทำสงครามในตอนต้นเดือนกุมภาพันธ์ และส่วนใหญ่ก็เป็นชาวคริสต์ มีอยู่สองคนได้รับศีลล้างบาปในวันที่เขาถูกบังคับให้ออกเดินทางนั่นเอง นับเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจยิ่งสำหรับคณะมิชชันนารีที่ได้เห็นฝูงชนที่มีความเลื่อมใสลดจำนวนลงไปอย่างรวดเร็ว อันเนื่องจากการจากไปอย่างไม่คาดฝันของเหล่าทหารโคจินจีนที่เพิ่งกลับใจมานับถือศาสนาคริสต์ และเป็นที่เชื่อกันว่าพวกทหารเหล่านี้ยังไม่มีความมั่นคงในเรื่องของศาสนาอย่างเพียงพอ เรื่องนี้ทำให้เราต้องสวดอ้อนวอนพระเป็นเจ้าในทันทีทั้งต่อหน้าสาธารณชนและเป็นการพิเศษ เพื่อขอให้พวกเขาได้กลับมาอย่างรวดเร็วในไม่ช้าเราก็ได้รับข่าวท่ามกลางความยินดีอย่างยิ่งของทุกๆ คน คือ คำสั่งที่ให้พวกเขากลับคืนสู่ภูมิลำเนาได้นั้นได้ถูกส่งไปยังกองทหารที่พวกเขาเข้าประจำการอยู่ การกลับมาของชาวคริสต์ที่ดีเหล่านี้ ทำให้เรามีความสุขมาก และครั้งแรกที่พวกเขาพบกับมิชชันนารีคนหนึ่ง ทุกคนถึงกับโถมเข้ากอดคอท่านพร้อมกับร้องเรียกว่า “คุณพ่อ” ส่วนพวกนอกศาสนาต่างก็พากันตะโกนว่า พวกเขาไม่ต้องการบูชารูปเคารพอีกต่อไป แต่ต้องการเข้ามาเป็นชาวคริสต์ด้วย และเพื่อการนี้ พวกเขาได้เรียนรู้การสวดวิงวอนของชาวคริสต์ ข้อสัจธรรมในบท สัญญลักษณ์บัญญัติ ๑๐ ประการของพระองค์ และทั้งเช้าและเย็น พวกเขาจะมาชุมนุมกันเพื่อทำการสวดภาวนา

นอกจากพระเป็นเจ้าแล้ว เราก็เป็นหนี้บุญคุณกัปตันชาวโคจินจีนที่เป็นคริสต์ ที่ชักจูงผู้คนให้กลับใจเปลี่ยนศาสนา กัปตันท่านนี้ได้ให้ชาวคริสต์บนเรือสวดภาวนาวันละ ๒ ครั้งท่ามกลางสายตาของคนในขบวนเรือทั้งหมด เมื่อถูกสอบถามจากแม่ทัพว่า เพราะเหตุใดจึงมีการท่องบทสวดภาวนาเฉพาะ ซึ่งไม่เป็นที่รู้จักกันในประเทศ กัปตันก็ให้คำตอบอย่างน่าพึงพอใจว่า การที่กระทำเช่นนี้ ท่านมิได้เกรงกลัวกระสุนปืนใหญ่เลย แม้กัปตันผู้นี้จะไม่ได้บังคับบรรดาทหารนอกศาสนา ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาได้สวดภาวนา อย่างไรก็ตามพวกเขารู้สึกประทับใจจากตัวอย่างที่ได้เห็น และต้องการจะตามแบบอย่างความเลื่อมใสศรัทธาของผู้บังคับบัญชาด้วยความสมัครใจ พวกเขาได้ให้สัญญาอีกว่าจะเข้าพิธีรับศีลล้างบาปทันทีที่สามารถกระทำได้

แม้สยามจะไม่ใช่จุดหมายปลายทางของการเผยแพร่ศาสนาของเรา แต่ท่านสังฆราชแห่งเบริธก็ได้หยุดพักที่นี่ เพื่อคอยโอกาสออกเดินทางไปประเทศจีน และตอนนี้ท่านก็อยู่ห่างจากที่หมาย เพียงระยะทางที่ใช้เวลาเดินทางทางทะเล ๓ สัปดาห์เท่านั้น ท่านสังฆราชเชื่อว่าเป็นหน้าที่ของท่านที่จะต้องทำทุกอย่างที่สามารถทำได้ เพื่อส่งเสริมความเลื่อมใสศรัทธาของชาวคริสต์ใหม่ที่เพิ่งหันเข้ามาหาพระเยซูเจ้า และพระองค์ก็รู้สึกผูกพันกับพวกเขาเหล่านี้ สิ่งนี้เองที่นับว่าเป็นการเริ่มต้นของการเผยแพร่ศาสนาของท่านสังฆราช ด้วยเหตุนี้เองท่านสังฆราชจึงตัดสินใจให้ทำการก่อสร้างโบสถ์หลังเล็กๆ ในราคาไม่แพง เพื่อให้กลุ่มชนหมู่นี้สามารถไปฟังมหาบูชามิสซาได้ในวันฉลองต่างๆ และมาชุมนุมกันเพื่อตั้งจิตทำสมาธิพิจารณาถึงหลักสัจธรรมต่างๆ ของคริสต์ศาสนาตามแนวทางที่ท่านสังฆราชได้สั่งสอนไว้ ท่านสังฆราชได้จัดหาเงินที่จำเป็นเพื่อจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ส่วนบรรดาชาวคริสต์ใหม่ที่มีความเพียรพยายามเท่าที่มีได้ ก็ได้ช่วยกันก่อสร้างโบสถ์หลังนี้ขึ้นอย่างประณีตด้วยตัวพวกเขาเอง จนกระทั่งโบสถ์อยู่ในสภาพพร้อมที่จะรับการเสกจากท่านสังฆราชแห่งเบริธก่อนที่ท่านจะออกเดินทางไป เราได้สร้างที่พักขนาดย่อมเพื่อเป็นที่พำนักของบาทหลวงองค์หนึ่งด้วย และได้มอบให้เป็นที่พักของบาทหลวงองค์แรกที่เอาใจใส่ทำงานคำสอนให้แก่บุคคลที่เตรียมตัวจะเข้าถือศาสนาคริสต์ นับเป็นสิ่งจำเป็นที่เราจะต้องจัดให้กลุ่มชนเหล่านี้ได้มีโอกาสรับศีลศักดิ์สิทธิ์ตลอดเวลา ในขณะที่ท่านสังฆราชแห่งเบริธออกคำสั่งให้จัดเตรียมทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อจะสามารถออกเดินเรือได้ในทันที ที่ข้าพเจ้ากลับมาจากการเดินทางไปเมืองตะนาวศรีเพื่อพบกับท่านสังฆราชแห่งเฮลิโอโปลีส ซึ่งเราเข้าใจว่าได้เดินทางมาถึงตะนาวศรีแล้วพร้อมด้วยมิชชันนารีอีก ๗ หรือ ๘ คน

โบสถ์ที่สร้างขึ้นนี้ ได้มอบให้อยู่ในความอุปถัมภ์ของนักบุญโยเซฟ ผู้มีชื่อเสียง เพราะเราเชื่อว่า เนื่องจากท่านก็เป็นผู้คุ้มครองดูแลชาวคริสต์เป็นองค์แรกของเรา และเราก็ได้สังเกตเห็นอานิสงส์ที่น่าอัศจรรย์ในตัวของท่าน ดังนั้น จะเป็นประโยชน์ไม่น้อยทั้งต่อการเสกอวยพรมิสซัง และการเริ่มต้นของคริสต์จักรใหม่ให้อยู่ภายใต้ความอารักขาของนักบุญผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้ ส่วนชาวคริสต์ใหม่บางคนที่อยู่ห่างไกลจากภูมิลำเนาของตน และตกอยู่ในความเดือดร้อน ขัดสนโดยคาดไม่ถึง เราก็แจกจ่ายให้ทานกับพวกหนึ่งบ้าง และมอบเงินให้กับอีกพวกหนึ่งยืมบ้าง การปฏิบัติต่อพวกเขาเช่นนี้ เป็นประโยชน์ต่อเราอยู่ไม่น้อยในการที่จะทำให้พวกเรารู้ว่า เราจากบ้านเกิดเมืองนอนและเดินทางมาไกลแสนไกลเช่นนี้ ด้วยใจเมตตาที่มีอยู่เฉพาะในคริสต์ศาสนาเท่านั้น ซึ่งสั่งสอนให้หวังพึ่งทุกสิ่งทุกประการในพระผู้เป็นเจ้า และโดยเฉพาะอย่างยิ่งบังคับบรรดามิชชันนารีให้แสดงออก ไม่แต่เพียงการไม่คำนึกถึงผลประโยชน์ใดๆ เท่านั้น แต่เมื่อใดที่มีโอกาสจะต้องพร้อมเสมอที่จะยอมทุกข์ยากเพื่อให้ผู้อื่นมั่งมีขึ้น ด้วยความยินดี และแม้ว่าค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ใช้ไปตลอดระยะเวลากว่า ๒ ปีของการดำเนินงาน ทำให้เราต้องคำนึงถึงการประหยัด กระนั้นท่านสังฆราชแห่งเบริธก็ไม่ลังเลใจเลยที่จะนำข้อบังคับของนักปราชญ์มาปฏิบัติใช้ที่ว่า “จงกระทำความดีทุกอย่างที่สามารถทำได้เมื่อโอกาสอำนวย” พระญาณสอดส่องของพระเป็นเจ้าได้มอบโอกาสดีดังกล่าว ซึ่งท่านสังฆราชก็คว้าโอกาสนั้นไว้ด้วยความยินดี โอกาสที่ว่านี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับเรือกำปั่นของกษัตริย์แห่งสเปน  ซึ่งได้รับคำสั่งให้เดินทางไปเมืองแตรนาต เรือตกอยู่ในภาวะจำเป็นต้องทอดสมออยู่ที่เมืองท่าของกรุงสยามเนื่องจากกระแสลมพัดทวน เรือลำนี้มาถึงในสภาพเสียหาย ทุกอย่างพับยับเยินจากพายุที่โหมกระหน่ำเรือเป็นระยะเวลาหลายวัน บนเรือขาดแคลนเสบียงและกระสุนปืนที่ร้ายที่สุดคือขาดเงิน และก็หาที่ให้กู้ยืมไม่ได้ ด้วยเหตุนี้เองเรือจึงอยู่ในช่วงของการทนทุกข์ทรมานจากความยากแค้น ท่านสังฆราชรับฟังเรื่องราวเกี่ยวกับความโชคร้ายรายนี้ แล้วก็เชื่อว่าความรักในเพื่อนมนุษย์ของชาวคริสต์ทำให้ท่านต้องให้ความช่วยเหลือแก่เรือเคราะห์ร้ายลำนี้ ท่านได้ส่งบาทหลวง ผู้หนึ่งไปมอบเงิน ๒๐๐ เอกู แก่กัปตันเรือ และแสดงให้รู้ว่าคณะบาทหลวงฝรั่งเศสรู้สึกเสียใจต่อความเสียหายใหญ่หลวงที่เกิดขึ้นกับพวกเขา โดยเฉพาะสภาพการณ์ของภารกิจ และความจำเป็นในการเผยแพร่ศาสนา ที่พวกท่านได้รับมอบหมาย ทำให้ไม่สามารถให้ความช่วยเหลือได้มากกว่านี้  กัปตันชาวสเปนผู้นี้ก็รับความตั้งใจดีของคณะบาทหลวงไว้เป็นอย่างดี เมื่อทราบว่าเงินจำนวนนั้นเป็นเงินที่ถูกเจาะจงมาให้เพื่อรับใช้พระเป็นเจ้าโดยตรง เขาเป็นผู้ที่รู้จักความพอเหมาะพอควร จึงขอรับเงินที่คณะบาทหลวงมอบให้แต่เพียงครึ่งเดียว พร้อมทั้งพูดเสริมว่า ตัวเขายอมรับเงินนี้ก็เมื่อถึงควรอัตคัดขัดสนอย่างที่สุดเท่านั้น นอกจากนี้แล้วเขายังได้ประกาศให้ทราบกันทั่วไปถึงการกระทำอันแสดงออกถึงความกรุณาปรานีของชาวคริสต์ฝรั่งเศส และทันทีที่กลับถึงกรุงมนิลาเขาก็แจ้งเรื่องนี้ให้เจ้าผู้ครองนคร และพระอัครสังฆราชทราบ เราอาจคิดว่าความง่ายดายในการให้ทานจะทำให้มิสซังนี้ต้องเผชิญกับความยากจนในเวลาที่มิสซังไม่มีอะไรเหลือพอที่จะให้ เมื่อมองดูสิ่งที่มิสซังจะต้องทำต่อไป คือ การเข้าไปตั้งถิ่นฐานในใจกลางของประเทศจีน โดยปราศจากความช่วยเหลือจากมนุษย์ชาติ ความหวังที่จะได้รับความช่วยเหลืออื่นได้จากยุโรปเป็นระยะเวลานาน แต่ก็ควรพิจารณาว่าชาวสเปนเหล่านี้ไม่สามารถพบที่ที่จะหยิบยืมใดๆ ได้ เพราะเป็นธรรมเนียมของท้องถิ่นที่จะให้กู้ยืมได้ก็ต่อเมื่อมีหลักประกันที่ดี และได้ดอกเบี้ยสูง นอกจากนี้ยังมีคติธรรมว่า การยากจนลงนิดหนึ่งโดยเจตนา ไม่อาจสร้างความเดือนร้อนให้แก่ผู้ที่ต้องการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริงในเจตนารมณ์ของการเผยแพร่ศาสนาได้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราให้ในลักษณะเช่นนี้จะกลับคืนสู่เราเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนร้อยเท่า เป็นการง่ายที่จะวินิจฉัยว่า ในสถานการณ์เช่นนี้หากพระเป็นเจ้าทรงประทานความช่วยเหลือให้แก่บรรดาลูกเรือ และผู้ที่อุทิศตนรับใช้พระองค์โดยสละแล้วทุกอย่างจะต้องไม่หวังความช่วยเหลือใดๆ เลย หากวันหนึ่งพวกเขาต้องตกอยู่ในความขัดสนเดือนร้อนเช่นเดียวกันนี้

ในเวลานั้น บุคคลที่เตรียมตัวเข้านับถือคริสต์ศาสนาจำนวน ๙ คน ได้ยื่นขอรับศีลล้างบาปมาและเราได้อนุมัติไปเพียง ๓ รายเท่านั้น การออกเดินทางไปเมืองจีนของท่านสังฆราชแห่งเบริธ  ทำให้คำเสนอขอของอีก ๖ คน ที่เหลือยังไม่ได้รับอนุมัติ เนื่องจากท่านพิจารณาเห็นว่าบุคคลทั้ง ๖ นี้ยังมีความรู้ทางศาสนาไม่เพียงพอ ท่านสังฆราชทิ้งเรื่องนี้ไว้ให้เป็นภาระของบาทหลวงที่เดินทางไปเมืองตะนาวศรีอยู่ โดยได้ทิ้งคำสั่งไว้ให้บาทหลวงองค์นั้นดำเนินการสอนคำสอนให้กับบุคคลทั้ง ๖ ต่อไปจนกว่าพวกเขาจะเรียนจบจะได้เข้าร่วมพระหรรษทานของพระเป็นเจ้า

ขณะเมื่อโอกาสเอื้ออำนวยในการออกเดินทางไปเมืองกวางตุ้ง หนึ่งในบรรดาเมืองท่าของจีน ท่านสังฆราชแห่งเบริธได้อยู่ระหว่างคอยการกลับมาของข้าพเจ้า เพื่อฟังข่าวคราวเกี่ยวกับเส้นทางที่ท่านสังฆราชแห่งเฮลิโอโปลีส และคณะบาทหลวงที่ติดตามใช้เดินทาง อย่างไรก็ตามเมื่อโอกาสใกล้เข้ามา ท่านสังฆราชจึงตัดสินใจว่าจะไม่พลาดโอกาสนี้เลย เนื่องจากขณะคอยข่าวคราวของท่านสังฆราชแห่งเฮลิโอโปลีส ซึ่งเชื่อว่ากำลังเดินทางใกล้เข้ามาแล้ว ท่านได้ปล่อยให้เรือลำอื่นๆ ๓ ลำแล่นเลยไป ดังนั้น เรือลำนี้จึงเป็นเรือลำสุดท้ายที่จะออกเดินทางไปเมืองกวางตุ้ง และเนื่องจากพิจารณาเห็นว่าสมควรให้บาทหลวงองค์หนึ่งในคณะย้อนกลับไปยังยุโรป เพื่อกิจธุระเกี่ยวกับการเผยแพร่ศาสนา ท่านสังฆราชจึงได้ทิ้งหนังสือด่วนและจดหมายต่างๆ ซึ่งบาทหลวงผู้นั้นจะต้องเป็นผู้ถือไปไว้ มีเหตุผลหลายประการที่ทำให้จำต้องส่งคนไปยังยุโรป คือ จำเป็นต้องได้รับการตัดสินใจจากสมเด็จพระสันตะปาปา และสมณกระทรวงเผยแพร่ความเชื่อเกี่ยวกับอุปสรรคหลายๆ ประการ อันเลี่ยงไม่ได้ที่มีต่อการดำเนินงานของมิสซังทั้งหลายที่กำลังก่อตั้งขึ้น เพราะหากมีการกระทำผิดพลาดเกิดขึ้น ก็ยากเกินกว่าที่จะแก้ไขในภายหลัง เนื่องจากการล่วงเกินที่นำมาในประเทศพร้อมกับศาสนานั้น อันอาจจะกลายเป็นธรรมเนียมประเพณีในมิสซังนั้น จึงเป็นสิ่งสำคัญไม่น้อยที่จะต้องให้ผู้ที่มีอำนาจสูงกว่าเป็นผู้ตัดสินปัญหาความยุ่งยากต่างๆ เพื่อว่าทุกคนจะยินยอมเชื่อฟัง เห็นได้ว่าจะทำให้มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันดีขึ้น

เรายังคงตกอยู่ในความทุกข์ใจอีกมาก เนื่องจากไม่เคยได้รับจดหมายใดๆ เลยนับตั้งแต่เดินทางออกจากฝรั่งเศสมาได้ ๓ ปีแล้ว และก็เป็นที่น่าเกรงว่าจดหมายต่างๆ ที่ผู้คนเขียนถึงเรานั้นอาจถูกริบเอาไว้เช่นเดียวกับจดหมายของเราที่ส่งไปยังสถานที่ต่างๆ นับว่าเป็นประโยชน์ไม่น้อยที่จะสืบหาข้อมูลที่แท้จริง รวมทั้งรายละเอียดเกี่ยวกับเส้นทางที่เราใช้ เพราะเส้นทางสายนี้จะกลายเป็นเส้นทางที่สะดวกสบายยิ่งขึ้น จากการที่ชาวยุโรปใช้เดินทางบ่อยๆ ผู้คนคงคิดว่าการเริ่มต้นมิสซังของคณะบาทหลวงชาวฝรั่งเศสเป็นเรื่องเล็กน้อย ถ้าพวกเขาไม่ได้ติดต่อไปถึงวิธีการที่จะสนับสนุน และทำให้งานนี้คงอยู่ชั่วนิรันดร์ด้วยการส่งผู้ที่ได้รับการฝึกฝนให้ทำหน้าที่เผยแพร่ศาสนามาเป็นเวลานานมา ข้อคิดต่างๆ เหล่านี้ ทำให้ท่านสังฆราชแห่งเบริธต้องส่งบาทหลวงองค์หนึ่งเดินทางโดยทางทะเลย้อนกลับไปใหม่ และในระหว่างนั้นท่านสังฆราชก็ได้จัดการเกี่ยวกับการออกเดินทางไปเมืองจีนของท่านให้เรียบร้อย โดยหวังว่าจะไปถึงที่นั่นภายใน ๓ สัปดาห์ และเพื่อจะไม่ลืมสิ่งต่างๆ ที่อาจจะเป็นประโยชน์ต่อมิสซังของท่าน ท่านได้เขียนจดหมายแนะนำตัวไปยังพระอัครสังฆราชแห่งมนิลา และผู้สำเร็จราชการของประเทศฟิลิปปินส์ด้วย

ท่านได้ปฏิบัติเช่นเดียวกันนี้กับผู้อำนวยการบริษัทของฮอลันดา ซึ่งพำนักอยู่ที่เมืองปัตตาเวีย ทั้งนี้ก็เพื่อขอความอารักขา และเพื่อเป็นเกียรติต่อคณะมิชชันนารีด้วย โดยหวังในความกรุณาอีกประการหนึ่ง และให้ความมั่นใจกับผู้อำนวยการบริษัทด้วยว่า คณะบาทหลวงฝรั่งเศสมิได้มีจุดประสงค์อื่นใดในภารกิจที่ได้รับมอบหมายมานี้ นอกจากการชักจูงคนนอกศาสนาให้กลับใจหันมานับถือคริสต์ศาสนา และการก่อตั้งลัทธิของพระผู้เป็นเจ้าที่แท้จริงเท่านั้น ท่านสังฆราชยังได้มีจดหมายไปถึงบาทหลวงรองเจ้าคณะหัวเมืองของคณะเยซูอิต ซึ่งพำนักอยู่ที่มาเก๊าอีกฉบับหนึ่ง เพื่อแจ้งให้ทราบถึงพระประสงค์ของสมเด็จพระสันตะปาปา คือ การส่งบรรดาพระสังฆราชประมุขมิสซังไปยังดินแดนต่างๆ ในมิสซังที่ท่านรับผิดชอบอยู่ และก็มีจดหมายไปถึงบาทหลวงเยซูอิต  ชาวฝรั่งเศสอีกหลายองค์ ซึ่งในปัจจุบันกำลังทำงานเผยแพร่ศาสนาอย่างมีประสิทธิภาพ การที่ได้เห็นบรรดาบาทหลวงเยซูอิตจากฝรั่งเศสได้รับความเชื่อถือสูงส่งในละแวกนี้ เป็นสิ่งที่ปลอบใจเราได้อย่างมาก และนี่ก็คือข้อพิสูจน์ว่าชาติของเราก็สามารถจะรับใช้เพื่อก่อประโยชน์ต่อมิสซังเหล่านี้ได้ ชาวโปรตุเกสซึ่งมิได้เป็นผู้ที่นิยมชมชอบผู้อื่นนัก และจะให้คำสรรเสริญก็แต่เฉพาะกับผู้ที่ได้รับพิจารณาว่าสมควรจะได้รับเท่านั้น ก็ถึงกับออกปากพูดถึงความดีงามของบรรดาบาทหลวงชาวฝรั่งเศสให้เราฟังว่า สิ่งที่ทำให้บาทหลวงเหล่านี้มีผู้คบค้าสมาคมภายในประเทศแถบนี้มากที่สุดก็คือ คุณธรรม ๒ ประการ ที่ใช้กันในมิสซังเหล่านี้ อันได้แก่ ความเพียรพยายามในงานเผยแพร่ศาสนา และการยอมสู้ทนทรมานเพื่อศาสนา คุณธรรม ๒ ประการนี้ จำเป็นอย่างยิ่งต่อบรรดาผู้เผยแพร่พระวรสาร โดยเหตุที่เมื่อดำเนินชีวิตอยู่ท่ามกลางคนนอกศาสนา พวกเขาจะต้องรู้จักต่อสู้กับสิ่งที่ยั่วยุไปในทางที่ผิด ๒ ประการ ที่ค่อนข้างธรรมดา คือ หนึ่งความเกียจคร้านอันมีสาเหตุจากการชักจูงคนนอกศาสนาให้กลับใจได้นั้น มีความยากลำบากมากจนอาจทำให้เราเกิดความท้อถอย และต้องการหยุดพักงานที่เราเห็นว่าไร้ประโยชน์ หรือไม่เช่นนั้น ก็หันไปอุทิศตนให้กับงานอื่นเสีย สองคือความเฉื่อยชาในการทำงาน เราจะปล่อยตัวปล่อยใจไปอย่างง่ายดาย ถ้าไม่ระมัดระวังตัว ด้วยการเอาตัวอย่างมาจากชีวิตความเป็นอยู่ของคนนอกศาสนา ผู้ซึ่งมีเพียงธรรมชาติเป็นผู้ชี้แนวทางให้กับการกระทำต่างๆ ของพวกเขา และมีเพียงความต้องการอยากได้สิ่งต่างๆ ในชีวิตในภพนี้เท่านั้นเป็นกฎแห่งชีวิต ในการหลีกเลี่ยงอุปสรรคที่เป็นอันตราย ๒ ประการนี้ จึงควรที่จะเตรียมตัวให้พร้อมกับงานนี้เสียแต่เนิ่นๆ และตัดสินใจให้แน่วแน่ที่จะไม่ละทิ้งการฝึกหัดทรมานตน เพื่อคริสต์ศาสนานี้ไปเสีย เพราะสิ่งนี้เองที่จะช่วยรักษาคุณธรรมความดีต่างๆ ไว้ได้ ด้วยเหตุนี้เองนับแต่เราได้เข้าไปในอินเดีย จึงเป็นการดีที่จะคิดว่าเรากำลังเข้าไปในประเทศที่อากาศมีอิทธิพลทำให้จิตใจเสื่อมเสียได้อย่างน่าพิศวง โดยการติดเอาตัวอย่างที่ไม่ดี จึงเป็นประโยชน์ไม่น้อยที่จะทำตนให้เคยชินเสียแต่ต้นกับการที่จะละเว้นหลายสิ่งหลายอย่างที่ขนบธรรมเนียมทำให้ดูเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ ดังเช่นการอาบน้ำบ่อยๆ การเดินไปตามถนนและการไปบ้านเจ้าขุนมูลนายพร้อมกับมีข้าทาสบริวารแต่งกายแพรวพราวติดตาม การใช้เวลามากมายให้หมดไปกับการสูบยาเส้นเพื่อแก้เหงา การดื่มน้ำชากับผลไม้เชื่อมกันวันละหลายๆ เวลา การเคี้ยวใบพลูหรือหมากกันตลอดเวลา และท้ายสุดคือการปฏิบัติสิ่งต่างๆ ซึ่งธรรมเนียมมิได้กำหนดกฏเกณฑ์ไว้อย่างพอเพียง ซึ่งทำให้ความเชื่อถือ และความนับถือซึ่งผู้เผยแพร่พระวรสารจะต้องดำรงรักษาไว้ลดน้อยลงไป เป็นต้น นี่คือสิ่งซึ่งข้าพเจ้าปรารถนาอย่างยิ่งที่จะตั้งข้อสังเกต ณ ที่นี้ เพื่อให้เป็นความรู้ต่อผู้ที่พระเป็นเจ้าของเราได้ทรงเรียกให้มาทำงานในดินแดนทางตะวันออกแถบนี้

ข้าพเจ้าจะจบบทนี้ด้วยข้อแนะนำ ๒ ประการเกี่ยวข้องกับผู้เดินทาง ซึ่งข้าพเจ้าขอเสนอตัวเองให้เป็นประโยชน์เป็นประการสำคัญ ประการแรก เกี่ยวข้องกับการแลกเปลี่ยนทองซึ่งมีอัตรา ๓๐ ซอล ต่อหนึ่งปิสตอลของสเปนโดยประมาณ ในอาณาจักรสยามจะแลกได้ราคาต่ำกว่าในอินเดียทั่วทั้งประเทศ มีผู้พูดกันอย่างเป็นหลักการว่า อัตราแลกเปลี่ยนนี้จะยิ่งลดต่ำลงไปทุกทีที่เราเดินทางไกลออกไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นที่อาณาจักรโคจินจีนหรือที่ตังเกี๋ย เพราะว่ามีการนำทองจากจีน และมนิลามายังกรุงสยามและในเขตอื่นๆ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องแลกเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นทองเสียตั้งแต่เมื่อยังอยู่ในอินเดีย โดยเปลี่ยนให้เป็นเงินเหรียญกษาปณ์ของประเทศซึ่งมีลักษณะบางเท่าๆ กับเหรียญตราของปารีส ดังนั้น เมื่อสั่งทำเครื่องทองรูปพรรณ เราก็จะกำหนดน้ำหนักของเครื่องทองที่สั่งทำนั้นด้วยน้ำหนักของเหรียญกษาปณ์ ส่วนค่าทำนั้นจะต้องจ่ายเพิ่มอีกต่างห่าง ที่เมืองมาสุลีปาตัน เราพบเงินของสยามที่มีเนื้อเงินเช่นเดียวกันกับของอินเดีย และเราก็ไม่ต้องจ่ายอะไรเลยสำหรับการแลกเปลี่ยน จึงเป็นการเหมาะอย่างยิ่งที่เราจะไม่พลาดโอกาสเช่นนี้ เพราะโดยปรกติการแลกเปลี่ยนเงินอินเดียซึ่งเป็นเงินที่บางเท่าๆ กับเงินของสยามในแต่ละครั้ง เราจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมให้แก่สยาม ๕%

ข้อแนะนำประการที่สอง เกี่ยวกับการเดินทางซึ่งเราสามารถจะทำได้ภายในถิ่นนี้โดยใช้เส้นทางของอังกฤษซึ่งทุกๆ ปีจะมีการส่งเรือมายังเมืองบันตัม และจากที่นั่นก็จะเดินทางต่อไปยังกัมพูชา ซึ่งเป็นเมืองที่ชาวอังกฤษได้ไปจัดตั้งร้านค้าร้านหนึ่งขึ้นในปี ๑๖๖๒ ในระยะหลังๆ เราพบว่ามีโอกาสไม่น้อยที่จะไปอาณาจักรโคจินจีน และสถานที่อื่นๆ แม้จะไม่พบเรือของอังกฤษที่จะไปเมืองบันตัม เราก็จะพบเรือที่ไปเมืองอาเซมเสมอ และจากเมืองอาเซมนี้ โอกาสที่จะต่อไปยังกัมพูชาซึ่งปัจจุบันเป็นแคว้นหนึ่งของโคจินจีน และเมืองท่าอื่นๆ ทางชายฝั่งเอเชียแถบนี้ ก็มีเสนอไม่เคยขาด ที่บันตัมอีกเช่นกัน เราก็จะพบเรือไปเมืองจีนโดยตรง เราสามารถจะหาเรือของฮอลันดาได้อีกด้วย และเราหวังที่จะได้ความมีไมตรีจิตอันดีจากผู้แทนของชาตินี้ หากว่าเราจะสามารถทำให้พวกเขาแน่ใจได้ว่าเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ ที่จะพบคนที่เดินทางไปเมืองจีนโดยมิได้หวังผลประโยชน์ใดๆ เลย ไม่ว่าจะเป็นการค้า หรือการสร้างความมั่นคั่ง แต่ไปเพื่อแสวงหาความยากจนมากกว่า โดยการใช้จ่ายเงินและใช้ชีวิตเพื่อการหลุดพ้นจากบาปของดวงวิญญาณ และเพื่อความรักที่มีต่อพระผู้เป็นเจ้าของเราเท่านั้น.

จากหนังสือจดหมายเหตุการณ์เดินทางของพระสังฆราชแห่งเบริธ
ประมุขมิสซัง สู่อาณาจักรโคจินจีน
กรมศิลปกรจัดพิมพ์ พ.ศ. ๒๕๓o